เคล็ดลับแต่งหน้าสำหรับสาวคอนแทคเลนส์

กรณีฉ้อโกงต้องการเอกสารดำเนินคดีทางกฎหมายทำอย่างไร       การสร้าง สินค้าแฟชั่น สู่สินค้าแฟชั่นแบรนด์เนม ความรู้ที่ได้จากชุมชน SBN บทที่1       สมาชิกเก่า สมาชิกใหม่ อ่านหรือยัง สำคัญมากครับ <--"คลิ๊กที่นี่"             
Previous
Next
Downtown
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก Downtown
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก
กระทู้แนะนำล่าสุดจาก
Results 1 to 5 of 5
  1. #1
    jaew_waw's Avatar
    jaew_waw is offline Trusted Member Brandname Fan
    jaew_waw's Bank Account
    • Bank Account 1: 097X3X5X8X

    มีส่วนร่วมต่อความมั่นคงของชุมชน
    (เครื่องมือ อยู่ระหว่างทดลองใช้ ดูรายละเอียดที่นี่):
    เสียสละเพื่อชุมชน
     
      View Positive Feedback  
      View Negative Feedback  
    Join Date
    Sep 2009
    Location
    GB
    Posts
    883

    Red face เคล็ดลับแต่งหน้าสำหรับสาวคอนแทคเลนส์







    ถ้าคุณต้องใส่คอนแทคเลนส์เป็นประจำ แต่มีดวงตาที่ไวต่อความรู้สึก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาแต่งหน้าแล้วรู้สึกคันหรือน้ำตาไหลเป็นประจำ นี่คือเคล็ดลับเล็กๆ น้อยๆ ที่จะช่วยให้คุณดูสวยใสได้แบบไร้ปัญหา
    • ใส่คอนแทคเลนส์ก่อนแต่งเติมเครื่องสำอางรอบดวงตา และถอดออกก่อนล้างเครื่องสำอางออก

    • อย่าเขียนอายไลเนอร์บริเวณขอบตาด้านใน เพราะจะทำให้เครื่องสำอางเข้าไปติดอยู่ใต้คอนแทคเลนส์ แล้วก่อให้เกิดอาการระคายเคือง

    • หลีกเลี่ยงอายชาโดว์ชนิดครีม เพราะอาจละลายและไหลเข้าไปสร้างความรบกวนในดวงตาได้

    • อายชาโดว์แบบที่เปล่งประกาย เรืองรอง หรือมีส่วนผสมของไมก้า (Mica) อาจทำให้ดวงตาของคุณเกิดอาการระคายเคืองได้ ฉะนั้นก็ควรตรวจดูบนฉลากให้ดีก่อนซื้อ

    • หลีกเลี่ยงก้านสำลี หรือพัฟฟ์ที่มีขนปุกปุย เพราะอาจมีเส้นใยหลุดเข้าไปสร้างความระคายเคืองในดวงตาได้

    • เลือกใช้อายไลเนอร์แบบที่ เป็นดินสอ และอายชาโดว์แบบฝุ่นอัดแข็ง เพราะความอบอุ่นและน้ำมันบนผิวของคุณ อาจทำให้อายไลเนอร์และอายชาโดว์เลื่อนไหลเข้าไปในดวงตาได้





    ที่มา
    Last edited by jaew_waw; 20-05-10 at 21:24.

  2. #2
    jaew_waw's Avatar
    jaew_waw is offline Trusted Member Brandname Fan
    jaew_waw's Bank Account
    • Bank Account 1: 097X3X5X8X

    มีส่วนร่วมต่อความมั่นคงของชุมชน
    (เครื่องมือ อยู่ระหว่างทดลองใช้ ดูรายละเอียดที่นี่):
    เสียสละเพื่อชุมชน
     
      View Positive Feedback  
      View Negative Feedback  
    Join Date
    Sep 2009
    Location
    GB
    Posts
    883

    Default ระวังตาบอด เพราะคอนแทคเลนส์แฟชั่น

    ระวังตาบอด เพราะคอนแทคเลนส์แฟชั่น


    ระวังตาบอด เพราะคอนแทคเลนส์แฟชั่น
    (momypedia)
    โดย: Olivier

    "จักษุแพทย์เตือนอย่าทดลองใส่คอนแทคเลนส์ตามแฟชั่น ดูแลไม่ดีมีสิทธิติดเชื้อจนตาบอด"

    คอนแทคเลนส์ เมื่อก่อนเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ปรับสายตาสำหรับผู้มีปัญหาสายตาเท่านั้น แต่ปัจจุบันกลายเป็นแฟชั่นบนดวงตาที่นิยมกันมากในหมู่วัยรุ่น ไม่ว่าจะเป็น คอนแท็กต์เลนส์ที่ใส่แล้วปรับสีดวงตาเป็นสีต่างๆ ได้ดังใจ ไม่ว่าจะเป็นสีน้ำตาล เทา ฟ้า เขียว หรือคอนแท็กต์เลนต์บิ๊ก อายส์ ที่ใส่แล้วดวงตาจะกลมโต ดูแล้วคิกขุ อาโนเนะ

    การซื้อหาคอนแทคเลนส์เหล่านี้ง่ายกว่าแต่ก่อนมาก ไม่ใช่มีเฉพาะร้านขายแว่นเท่านั้น สามารถพบเห็นได้ที่แผงลอยตามแหล่งแฟชั่น หรือสั่งซื้อตามอินเตอร์เน็ต ราคาก็มีให้เลือกตั้งแต่หลักร้อยจนถึงหลักพัน

    อย่างไรก็ดี การซื้อคอนแท็กต์เลนส์มาใส่เองเป็นเรื่องที่อันตรายมาก แพทย์เตือนว่าคนสายตาปกติไม่ควรใส่คอนแท็กต์เลนส์ ไม่ว่าจะด้วยจุดประสงค์อะไรก็ตาม ควรคำนึงว่าคอนแท็กต์เลนส์เป็นสิ่งที่ต้องสัมผัสกับดวงตาของเราโดยตรง เพราะดวงตาองเราเป็นสิ่งที่บอบบางมาก อาจทำให้เกิดปัญหาเคืองตา คันตา ตาเป็นแผล และอาจติดเชื้อหากรักษาความสะอาดไม่ดีพอ

    ทั้งนี้ นพ.วิชัย ประสาทฤทธา ภาควิชาจักษุวิทยา รพ.รามาธิบดี กล่าวว่า หากมีการดูแลรักษาความสะอาดของคอนแทคเลนส์ตามคำแนะนำอย่างถูกต้อง อันตรายต่างๆ ก็จะไม่มี แต่ในกรณีที่ผู้สวมใส่ไม่ได้ปฏิบัติตามคำแนะนำเรื่องการรักษาความสะอาด โดยเฉพาะการสวมใส่คอนแทคเลนส์ในเวลานอนหลับ ทำให้ดวงตาได้รับออกซิเจนน้อยลง และออกซิเจนจะไปเลี้ยงกระจกตาได้น้อยกว่าปกติ จึงเกิดการติดเชื้อขึ้น และเนื่องจากเป็นเลนส์สัมผัสทำให้อาการติดเชื้อมีความรุนแรงและลุกลามอย่างรวดเร็วจนถึงขั้นทำให้ตาบอด

    การสวมใส่คอนแทคเลนส์ที่เหมาะสม

    1.สามารถสวมใส่ได้ในระยะเวลา 8-12 ชั่วโมงติดต่อกัน

    2.ดูแลทำความสะอาดโดยใช้น้ำยาล้างคอนแทคเลนส์ น้ำยาสลายคราบโปรตีน และน้ำยาแช่ฆ่าเชื้อ โดยการแช่ฆ่าเชื้อต้องทำไม่ต่ำกว่าวันละ 4 ชั่วโมง

    อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันมีการโฆษณาว่าน้ำยาทำความสะอาดคอนแทคเลนส์บางชนิดมีคุณสมบัติเป็นทั้งน้ำยาล้างทำความสะอาด สลายคราบโปรตีน และแช่ฆ่าเชื้อ ซึ่งประสิทธิภาพของน้ำยาดังกล่าวจะไม่ดีเท่ากับการใช้น้ำยาแยกเฉพาะในการทำความสะอาดแต่ละขั้นตอน เป็นเพียงกลยุทธ์การโฆษณาทางการตลาดของผู้ประกอบการเท่านั้น จึงแนะนำให้แยกใช้น้ำยาทำความสะอาดแต่ละขั้นตอน เพื่อยืดอายุการใช้งานคอนแทคเลนส์ และป้องกันการติดเชื้อ

    โดยคอนแทคเลนส์รายเดือนนั้นมีอายุการสวมใส่ 1- 1 เดือนครึ่งขึ้นอยู่กับการดูแลทำความสะอาด หากไม่รักษาความสะอาดให้ดีเพียงแค่ 2 สัปดาห์ก็อาจจะมีสิ่งสกปรกตกค้างจนต้องเปลี่ยนคู่ใหม่ แต่หากรักษาความสะอาดเป็นอย่างดีก็จะทำให้อายุการใช้งานนานขึ้นไปด้วย

    สำหรับผู้ที่ใช้คอนแทคเลนส์เป็นประจำ หากมีอาการมองเห็นภาพพร่ามัว เคืองตา ตาแดง ให้เอาคอนแทคเลนส์ออกจากดวงตาและไปพบจักษุแพทย์ทันที เพราะอาจเกิดอาการติดเชื้อ และลุกลามจนถึงขั้นตาบอดได้

    ข้อแนะนำสำหรับผู้ใส่คอนแทคเลนส์แฟชั่น

    "สำหรับคอนแทคเลนส์แฟชั่นที่เป็นที่นิยมของวัยรุ่นในการสวมใส่นั้น แม้ตัวคอนแทคเลนส์จะไม่มีอันตรายใดๆ แต่ผู้สวมใส่ต้องดูแลให้ถูกต้อง และไม่ควรจะทดลองสวมใส่หากไม่มีความจำเป็น เพราะคอนแทคเลนส์ไม่เหมือนเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายที่จะทดลองสวมใส่เปลี่ยนไปตามแฟชั่น เนื่องจากเป็นสิ่งที่สัมผัสกับดวงตาหากดูแลไม่ดีอาจจะเกิดผลเสียต่อดวงตาตามมา ที่สำคัญห้ามผู้สวมใส่คอนแทคเลนส์ทุกชนิด ใส่คอนแทคเลนส์นอนหลับอย่างเด็ดขาด"


    ขอขอบคุณข้อมูลจาก
    Thanks Peepi, SANTORINI ขอบคุณ ผู้โพสต์ข้อความนี้

  3. #3
    jaew_waw's Avatar
    jaew_waw is offline Trusted Member Brandname Fan
    jaew_waw's Bank Account
    • Bank Account 1: 097X3X5X8X

    มีส่วนร่วมต่อความมั่นคงของชุมชน
    (เครื่องมือ อยู่ระหว่างทดลองใช้ ดูรายละเอียดที่นี่):
    เสียสละเพื่อชุมชน
     
      View Positive Feedback  
      View Negative Feedback  
    Join Date
    Sep 2009
    Location
    GB
    Posts
    883

    Default วิธีถนอมสายตา..เมื่อใช้คอมพิวเตอร์นานๆ

    อาการที่นัยน์ตาถูกใช้งานอย่างหักโหม ได้แก่



    การมองเห็นสี
    หากลองมองไปที่อื่นหลังจากที่มองจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ จะรู้สึกว่าการมองเห็นสีนั้นยากขึ้น ปรากฏการณ์นี้เกิดจากปริมาณของสีเคมีพิเศษที่อยู่ในจอตาหรือจอรับภาพลดลง อย่างไรก็ตามนัยน์ตาก็จะสร้างสีให้เกิดใหม่ได้ในไม่ช้า หลังจากที่สีเคมีดังกล่าวหายไปชั่วขณะหนึ่ง

    การมองเห็นภาพซ้อน
    กล้ามเนื้อตาจะรวมภาพที่จุดๆ หนึ่ง แต่เหมือนกับมีบางสิ่งมาอยู่ใกล้ๆ กับจุดโฟกัสนั้น เมื่อเราพยายามมอง ก็จะทำให้เกิดเป็นภาพซ้อน ซึ่งมักพบได้บ่อยๆ การเห็นภาพซ้อนบางครั้งก็ไม่รู้สึกหรือไม่เกิดขึ้นโดยตรง แต่จะรู้สึกปวดหัวหรือเกิดอาการล้านัยน์ตา หากเห็นภาพซ้อนอยู่เรื่อยๆ ควรปรึกษาจักษุแพทย์

    ปัญหาในการโฟกัส
    หากกล้ามเนื้อตาต้องถูกใช้งานอย่างหนักโดยการทำงานซ้ำๆ เช่น เพื่อเลื่อนโฟกัสมองตามตัวอักษรที่พิมพ์ หรือกวาดสายตาตามตัวอักษรที่อ่านบนจอภาพ หรือการจ้องมองอยู่ที่โฟกัสเดิมเป็นเวลานานๆ ก็เป็นสาเหตุให้กล้ามเนื้อตาเกิดอาการล้าหรือตึงเครียด และอาจทำให้สายตาหรือกล้ามเนื้อตาเสื่อมลง ทำให้ความสามารถในการกำหนดโฟกัสของสายตาแย่ไปด้วย

    อาการปวดหัว
    เมื่อต้องใช้สายตาอย่างหนักในการจ้องมองจอคอมพิวเตอร์นานๆ อาจจะเกิดอาการปวดหัว พบมากที่บริเวณขมับ ซึ่งเกิดจากกล้ามเนื้อบริเวณคอและศีรษะเกิดความตึงเครียด อาการปวดหัวอาจไม่ได้เกิดจากความเมื่อยล้าของนัยน์ตาโดยตรง แต่เป็นผลข้างเคียงจากความพยายามจ้องมองในสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม คนที่สายตาสั้นจะปวดหัวและมีอาการเมื่อยล้านัยน์ตาได้ง่าย



    วิธีการถนอมสายตาเมื่อต้องใช้คอมพิวเตอร์
    1.ควรเลือกจอภาพที่มีการกระจายรังสีต่ำเพื่อถนอมสายตา วิธีทดสอบง่ายๆ ทำได้โดยลองปิดสวิตช์จอภาพ แล้วเอามือหรือแขนไปจ่อไว้ใกล้ๆ จอภาพให้มากที่สุด จอภาพที่มีการกระจายรังสีต่ำจะแทบไม่รู้สึกถึงไฟฟ้าสถิตตามขนที่ผิว

    2.ปรับแสงและความคมชัดของหน้าจอคอมพิวเตอร์ให้รู้สึกสบายตา รวมทั้งความสว่างภายในที่ทำงาน ลดแสงสะท้อนรบกวน เช่น ปิดไฟดวงที่สะท้อนจ้าลงบนจอคอมพิวเตอร์ หากทำงานกับคอมพิวเตอร์ในสภาพแวดล้อมที่มีแสงจ้าและจอภาพมีความสว่างมาก ก็จะยิ่งส่งผลเสียต่อดวงตาได้ง่ายและรวดเร็ว จะรู้สึกว่ามีอาการปวดร้าวดวงตาเร็วและแสบตาอย่างรุนแรง

    3.ตำแหน่งของจอภาพควรห่างจากดวงตาประมาณ 18-24 นิ้ว หรือประมาณช่วงแขนเอื้อม และปรับให้ต่ำกว่าระดับสายตาประมาณ 15-20 องศา หากระยะห่างระหว่างตากับจอภาพไม่สัมพันธ์กัน จะทำให้เกิดอาการเมื่อยล้าและปวดตาได้ง่าย

    4.การใช้แผ่นกรองรังสีติดไว้ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ แม้ว่าจะช่วยลดการกระจายรังสีจากจอคอมพิวเตอร์ได้บ้าง ไม่ได้บ้าง แล้วแต่คุณภาพของสินค้า แต่อย่างน้อยๆ ก็ช่วยลดแสงจ้าจากจอคอมพิวเตอร์ลงได้

    5.ทำความสะอาดหน้าจอคอมพิวเตอร์อยู่เสมอ เพราะฝุ่นจะทำให้เกิดการสะท้อนมากขึ้น

    6.การหยุดพักหรือเปลี่ยนตารางเวลาการทำงานใหม่ จะช่วยให้สายตาคลายความเมื่อยล้าจากการจ้องเพ่งคอมพิวเตอร์ได้ The National Institute of Occupational Safety and Health (NIOSH) แนะนำให้หยุดพักสายตาครั้งละ 15 นาทีทุกๆ 2 ชั่วโมง ผู้เชี่ยวชาญบางคนก็แนะนำว่าควรจะหยุดพักบ่อยๆ โดยแต่ละครั้งใช้เวลาเพียงเล็กน้อย เช่น พักสายตาทุก 30 นาที โดยหลับตาหรือมองไปไกลๆ สัก 5-10 นาที แล้วจึงเริ่มทำงานต่อไป ก็จะช่วยถนอมสายตาได้

    7.อาจใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆ วางไว้บนเปลือกตา และหลับตาสัก 2-3 นาที หรือจะให้ดีกว่านั้นก็คือ ปิดไฟ นอนพักสักครู่ (ถ้าไม่มีปัญหากับหัวหน้างาน)

    8.สำหรับผู้ที่ใส่คอนแท็กเลนส์ อาจจะเกิดอาการตาแห้งเพราะขาดน้ำหล่อเลี้ยง เพราะห้องที่มีคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่ ก็มักจะมีเครื่องปรับอากาศอยู่ด้วย เมื่อบวกกับความร้อนจากเครื่องคอมพิวเตอร์ จะทำให้อากาศแห้ง การหยอดน้ำตาเทียมจะช่วยได้

    9.ควรกะพริบตาให้บ่อยครั้งกว่าปกติ เพื่อให้มีน้ำหล่อเลี้ยงดวงตาอยู่เสมอ ภายใน 10 วินาที ลองพยายามกะพริบตาสัก 1-2 ครั้ง จะช่วยลดความอ่อนล้าของสายตาได้มาก

    10.ผู้ที่ใส่คอนแท็กเลนส์ และมีอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป ซึ่งใช้คอมพิวเตอร์เป็นประจำ ควรตรวจเช็กสุขภาพตาบ้าง


  4. #4
    jaew_waw's Avatar
    jaew_waw is offline Trusted Member Brandname Fan
    jaew_waw's Bank Account
    • Bank Account 1: 097X3X5X8X

    มีส่วนร่วมต่อความมั่นคงของชุมชน
    (เครื่องมือ อยู่ระหว่างทดลองใช้ ดูรายละเอียดที่นี่):
    เสียสละเพื่อชุมชน
     
      View Positive Feedback  
      View Negative Feedback  
    Join Date
    Sep 2009
    Location
    GB
    Posts
    883

    Default

    ถนอมตาสวย ด้วยวิถีธรรมชาติ

    เมื่อพูดถึงการดูแลผิว ไม่ว่าผิวส่วนไหน ก็แน่นอนอยู่แล้วค่ะว่าจะต้องเกี่ยวพันกับสุขภาพอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้แต่ผิวรอบดวงตา ที่เมื่อใดที่เราเริ่มมีปัญหาสุขภาพ โดยเฉพาะเมื่อร่างกายเกิดอาการ ธาตุไฟไม่สมดุล ผิวบริเวณนี้จะได้รับผลกระทบก่อนใครเพื่อนเลยทีเดียว
    อาการธาตุไฟไม่สมดุลนี้ สามารถเกิดขึ้นได้ง่าย โดยสิ่งกระตุ้นจากอากาศและสิ่งแวดล้อมต่างๆ ที่รายล้อมอยู่รอบตัวเรา รวมไปทั้งปัจจัยความเครียด และความเหนื่อยล้าจากการพักผ่อนไม่เพียงพอ เป็นสาเหตุสำคัญที่จะทำให้บริเวณรอบๆดวงตาเป็นรอยหมองคล้ำและบวมแดง เห็นได้ชัดกว่าผิวบริเวณอื่น เพราะผิวส่วนนี้มีความละเอียดอ่อนและบอบบางมากกว่าผิวบริเวณอื่นๆ และยังเป็นบริเวณที่มีเส้นประสาทและเซลล์ต่างๆอยู่เป็นจำนวนมาก จึงถูกทำร้ายได้ง่าย ซ้ำร้ายยังไวต่อการร่วงโรยเป็นพิเศษซะอีกด้วย และบางที การที่คุณทำความสะอาดผิวหรือเมคอัพรอบดวงตาอย่างไม่ระวัดระวังหรือหนักมือเกินไป ก็เป็นการทำร้ายผิวได้พอๆ
    ปัจจุบันนี้ แม้ว่าจะมีผลิตภัณฑ์สำหรับดูแลรอบดวงตาโดยเฉพาะ แต่ถึงอย่างไร เราก็ยังต้องพึ่งการดูแลด้วยธรรมชาติควบคู่ไปพร้อมๆกัน

    วิธีการดูแลสุขภาพผิวรอบดวงตามีอยู่หลายข้อทีเดียว ซึ่งสามารถนำไปปฏิบัติกับตัวเองได้อย่างง่ายๆ

    เคล็ดลับคงความอ่อนเยาว์ให้ดวงตาดูสวยสดใส

    - ควรตรวจสุขภาพตาเป็นประจำทุกๆ 2 - 4 ปี แต่สำหรับผู้ที่อายุ 65 ปีขึ้นไปแล้ว ควรจะตรวจให้บ่อยขึ้นคือทุกๆ 1 - 2 ปี

    - สำหรับผู้ที่ต้องนั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์เป็นประจำ ควรเริ่มฝึกนิสัยในการพักสายตา โดยการมองออกไปไกลๆ ทุกๆ 10 - 15 นาที

    - ควรสวมแว่นตาดำที่สามารถปกป้องและกรองแสงยูวีได้ ทุกครั้งที่ต้องออกไปทำกิจกรรมกลางแจ้งที่มีแดดจัดจ้า

    - ปกป้องและระวังไม่ให้ดวงตาสัมผัสกับควันและฝุ่นละอองต่างๆโดยตรง
    อาหารเสริมเพื่อดวงตาสดใส

    - รับประทานผัก ผลไม้ ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ (Anti Oxidant) ในปริมาณสูง เช่น ผลบลูเบอร์รี่ ผักใบเขียว และแครอท ซึ่งจะช่วยลดอันตรายจากอนุมูลอิสระในแสงแดดที่ทำลายจอตา และช่วยลดปัญหาตาบอดจากจอประสาทตาเสื่อมได้ อีกทั้งช่วยให้สายตาทำงานดีขึ้นในที่มืด และมีความไวในที่แสงน้อยๆดีกว่า

    - รับประทานผักที่มีสารลูทีน (Lutien) และซีแซนทีน (Zeaxanthin) ซึ่งเป็นสารแคโรทีนอยด์ชนิดหนึ่ง มีสีเหลือง พบมากในพืชผักที่มีสีเหลืองและสีเขียวเข้ม เช่น ผลอะโวคาโด บร็อคโคลี่ ข้าวโพด ฟักทอง ผักโขม และผักกวางตุ้ง เหล่านี้ล้วนเป็นสารธรรมชาติที่พบมากในตาบริเวณจุดรับภาพและจอประสาทตา ทำหน้าที่ช่วยกรอง หรือป้องกันรังสีจากแสงแดด ช่วยปกป้องเซลล์ของจอประสาทตา ไม่ให้ถูกทำลาย โดยการต้านอนุมูลอิสระพร้อมทั้งกรองแสงสีน้ำเงินที่จะทำลายดวงตา

    - รับประทานสารสกัดของโอเมก้า 3 หรือรับประทานปลาชนิดต่างๆ

    เคล็ดลับการนวดกดจุดเพื่อผ่อนคลาย บริเวณรอบดวงตา

    1. ใช้ปลายนิ้วชี้ กลาง และนาง ยืดคิ้วออกทางด้านข้าง 3 ครั้ง
    2. ใช้นิ้วกลางของทั้งสองข้าง หมุนวนรอบดวงตาพร้อมๆกัน ในลักษณะวนตามเข็มนาฬิกา และแต่ละครั้งให้หยุดกดที่บริเวณหัวคิ้ว ทำแบบนี้ซ้ำทั้งหมด 60 รอบ
    3. ใช้นิ้วกลางกดจุดไล่ตั้งแต่หัวคิ้วไปถึงขมับ 3 รอบ
    4. กดจุดไล่ลงมาที่บริเวณใต้ตา ไล่ตั้งแต่หัวตาไปถึงหางตา 3 รอบ
    5. ใช้นิ้วกลางนวดที่บริเวณขมับ หมุนเป็นรูปเลขแปด ทำซ้ำทั้งหมด 6 รอบ
    6. ทำซ้ำข้อ 2 - 5 ทั้งหมด 3 รอบ
    7. นำมือทั้งสองข้างปิดที่ดวงตา โดยลากน้ำหนักลงที่ปลายนิ้ว ออกไปที่ด้านข้างกรอบหน้า แล้วจึงค่อยๆ ยกฝ่ามือออกจากใบหน้า

    ถนอมดวงตาด้วยวิธีง่าย ๆ

    ดวงตาเป็นอวัยวะที่สำคัญต่อการมองเห็น และการรับรู้สิ่งต่าง ๆ บนโลก ดวงตานั้นมีความอ่อนโยน และบอบบาง จึงจำเป็นต้องให้ความสำคัญในการดูแลรักษาเป็นพิเศษ วันนี้ก็เลยถือโอกาสนำวิธีการถนอมดวงตาแบบง่าย ๆ มาให้ลองปฏิบัติกัน

    1. ควรใช้สายตาที่มีแสงสว่างเพียงพอและหลีกเลียงการเพ่งมองเป็นเวลานาน ๆ ซึ่งจะทำให้เกิดอาการปวดตาได้
    2. ควรสวมแว่นตากันแดดทุกครั้งที่อยู่ในที่มีแสงจ้า
    3. ควรหลีกเลี่ยงการใช้มือสกปรกขยี้ตา หรือใช้ของร่วมกับผู้อื่น เช่น ผ้าเช็ดหน้า เพราะอาจจะมีเครื่องสำอางที่ตกค้างอยู่บนผ้าเช็ดหน้า มาทำให้เกิดการติดเชื้อและอักเสบได้
    4. กรณีที่ใช้สายตานาน ๆ เช่น อ่านหนังสือ ก็ควรหาช่วงพักผ่อนสายตา ด้วยการทอดสายตาออกไปไกล ๆ หรือมองต้นไม้สีเขียวบ้าง
    5. การนอนอย่างเพียงพอในห้องที่มีอากาศถ่ายเทได้ดี เป็นการพักผ่อนสายตาที่ดี
    6. การแต่งหน้าอาจทำให้เกิดถุงใต้ตา และรอยเหี่ยวย่นได้ง่าย เนื่องจากเนื้อครีมเข้มข้นอาจใช้แรงกดในการทา ซึ่งทำให้เกิดริ้วรอยได้ ดังนั้นควรหาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติบำรุงผิวหน้าและผิวรอบดวงตาโดยเฉพาะ ต้องมีเนื้อครีมที่บางเบา ไม่มีสารที่ก่อให้เกิดอาการระคายเคือง
    7. ถ้าดวงตาเกิดอาการบวมแดงหรือดูอิดโรยไม่สดใส ให้ใช้สำลีชุบน้ำเย็นหรือผ้าห่อน้ำแข็ง มาวางไว้บนเปลือกตาทั้งสองข้าง เพื่อช่วยให้อาการดีขึ้น
    8. บริหารดวงตา โดยการกรอกลูกตาไปมาเป็นวงกลม เริ่มจากตามเข็มนาฬิกาครบหนึ่งรอบ แล้วกรอกทวนเข็มนาฬิกา ทำอย่างนี้ซ้ำ ๆ กัน วันละ 2-3 ครั้ง หรือนอนหงายหรือนั่งหลับตาสักพัก แล้วใช้แตงกวาฝานเป็นชิ้นบาง ๆ นำมาแปะไว้บนเปลือกตาทั้งสองข้าง เมื่อลืมตาขึ้นมาจะทำให้ดวงตาดูมีชีวิตชีวาขึ้น

  5. #5
    jaew_waw's Avatar
    jaew_waw is offline Trusted Member Brandname Fan
    jaew_waw's Bank Account
    • Bank Account 1: 097X3X5X8X

    มีส่วนร่วมต่อความมั่นคงของชุมชน
    (เครื่องมือ อยู่ระหว่างทดลองใช้ ดูรายละเอียดที่นี่):
    เสียสละเพื่อชุมชน
     
      View Positive Feedback  
      View Negative Feedback  
    Join Date
    Sep 2009
    Location
    GB
    Posts
    883

    Wink เคล็ดลับการเช็ดเมคอัพ ให้หน้าใสกิ๊ก



    ในแต่ละวันไม่ว่าจะออกไปทำงาน ไปเที่ยว ไปปาร์ตี้ หรือ ต้องออกนอกบ้านทีไร ก็ต้องเมคอัพแต่งเติมเสริมสวยให้ใบหน้ากันสักหน่อยจริงไหมคะ? เพราะผู้หญิงเราต้องหมั่นดูแลตัวเองให้ดูดีเสมอค่ะ แต่ปัญหาอยู่ที่ว่า…พอแต่งหน้าสวยใส ออกไปไหนต่อไหนแล้วพอกลับเข้าบ้าน ถึงเวลาล้างหน้าทีไร กลับล้างออกไม่หมด ทิ้งคราบเครื่องสำอางค์หลงเหลือบนใบหน้า จนเกิดสิวขึ้นทุกที วันนี้เลยนำเอาวิธีล้างเครื่องสำอางค์ที่ถูกต้องมาฝากสาวๆ ที่รักสวยรักงามกันค่ะ เริ่มอันดับแรกเลยคือ…..


    บริเวณ ผิวรอบดวงตา
    ผิวรอบดวงตาเรานั้นเป็นบริเวณที่บอบบางมาก ดังนั้นเวลาทำความสะอาดก็ให้หยดผลิตภัณฑ์ทำความสะอางค์บนสำลี จากนั้นประกบที่ตาโดยใช้นิ้วมือกดค้าง แล้วทิ้งไว้สักครู่ จากนั้นค่อยๆ เช็ดออกอย่างเบามือที่สุดค่ะ ถ้ายังมีคราบหลงเหลืออยู่ก็เช็ดซ้ำอย่างเบามือจนกว่าคราบสกปรกจะออกหมดค่ะ สำหรับบริเวณมุมตา ให้ใช้สำลีพับเป็นมุมสามเหลี่ยมแล้วเช็ดออกอย่างเบามือเช่นกันหหรือจะใช้คัตเตอร์บัตก็ได้ค่ะ



    บริเวณ ริมฝีปาก

    เป็นบริเวณที่สำคัญเช่นกันค่ะ ถ้าเราดูแลหรือทำความสะอาดไม่ถูกวิธี อาจทำให้ปากเกิดริ้วรอย เป็นร่องลึก หรือเกิดปัญหาริมฝีปากคล้ำได้ค่ะ ดังนั้นวิธีทำความสะอาดริมฝีปากอย่างถูกวิธีคือให้นำสำลี พับเป็นสามเหลี่ยม แล้วนำมุมที่พับเป็นสามเหลี่ยมเช็ดตามมุมปากหรือร่องปาก โดยเช็ดในแนวดิ่งจากด้านในออกมาด้านนอกริมฝีปาก เวลาเช็ดอย่าถูในแนวขวางเด็ดขาดนะคะ เพราะจะทำให้ริมฝีปากแตกได้ และหากทำบ่อยๆ ริมฝีปากก็อาจเกิดรอยเหี่ยวย่นก่อนวัยอันควรได้ค่ะ


    บริเวณ ใบหน้า

    มีวิธีทำความสะอาด โดยเริ่มเช็ดจากที-โซนก่อน เริ่มจากบริเวณ หน้าผาก จมูก และ คาง ใช้นิ้วกลางและนิ้วนางคีบสำลีไว้ แล้วเช็ดโดยปาดออกจากใบหน้าอย่างเบามือค่ะ ถ้าใช้คลีนซิ่งออยล์ ทำความสะอาดผิวหน้า ก็สามารถล้างหน้าด้วยน้ำสะอาดได้เลยแต่ถ้าใช้เป็นคลีนซิ่งเจลหรือน้ำนม ต้องใช้กระดาษทิชชูซับหน้าเบาๆ ก่อน แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด แล้วตามด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์ ทำความสะอาดผิวหน้าล้างอีกทีค่ะ


    สำหรับสาวๆ ที่อยากสวยแล้วอย่าลืมนำวิธีที่แนะนำไปปฏิบัติตามกันดูนะคะ ในเมื่อขยันแต่งก็ต้องขยันล้างกันหน่อย ด้วยวิธีการล้างเครื่องสำอางค์อย่างถูกวิธีค่ะ






    ที่มา : Ladyvisa.com

กระทู้จากการคัดเลือกอัตโนมัติ