Cryptocurrency คืออะไร

Cryptocurrency หรือหากแปลเป็นไทยตรงตัวก็คือ "สกุลเงินที่ถูกเข้ารหัส" ซึ่งเป็นการเล่นคำสองคำคือ cryptography และ currency เข้าด้วยกัน นั่นหมายความว่า Bitcoin, Ethereum, Litecoin ที่คุณได้ยินเพื่อน ๆ หรือบนทีวีพูดกันนั้นเป็นสิ่งที่ไม่มีตัวตน และจับต้องไม่ได้ ซึ่งมันจะทำงานอย่างลับ ๆ ในคอมพิวเตอร์ สิ่งที่คุณจะสามารถมองเห็นได้ก็มีเพียงแค่ตัวเลข


ถ้าหากจะพูดคุยถึงเรื่องของสกุลเงินนั้น ลองย้อนกลับไปในเรื่องของพื้นฐานการใช้เงินก่อน

ลองจินตนาการดูว่าเมื่อคุณจะทำการซื้อกาแฟเพียงแค่หนึ่งแก้วด้วยเงินสดธรรมดาทั่วไปนั้น สิ่งที่คุณทำเพียงแค่ควักเงินในกระเป๋าของคุณที่มีตัวเลขบอกมูลค่าของมันอยู่ (ว่ามีกี่บาท) และยื่นมันไปให้ผู้ขายกาแฟ ก่อนที่บาริสตาใจดีจะยื่นกาแฟส่งมาให้คุณและรับเงินของคุณไป

ปัญหาของเงินสดในปัจจุบันก็คือ มันถูกเปลี่ยนมือเป็นร้อยเป็นพันครั้ง และไม่มีใครสามารถที่จะรู้ได้ว่าธนบัตรในมือของพวกเขาเขานั้นเคยผ่านใครมาบ้าง ซึ่งทำให้การติดตามและค้นหาเส้นทางการทำธุรกรรมสำหรับเงินสดนั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย

สกุลเงินดิจิตอลจึงถูกคิดค้นขึ้นมาแก้ไขปัญหานี้ ซึ่งความแตกต่างก็คือ สกุลเงินดิจิตอลนั้นถูกสร้างขึ้นมาในรูปแบบดิจิตอลเท่านั้น ไม่สามารถจับต้องได้ ลองจินตนาการง่าย ๆ ว่าเราลองทำการสแกนธนบัตรมูลค่าห้ายูโรออกมาเป็นไฟล์คอมพิวเตอร์ แล้วตั้งชื่อมันว่า 'five-euros.jpg' ซึ่งเมื่อมันถูกแปลงเป็นเงินดิจิตอลแล้วนั้น มันจะมีข้อได้เปรียบมากมาย แต่ก็ยังมีผลเสียมาด้วยเช่นกัน เช่นไฟล์เงินดิจิตอลเหล่านี้สามารถถูก copy และ paste ได้ไม่จำกัด อีกทั้งยังไม่สามารถแยกความแตกต่างระหว่างเงินของจริงและเงินดิจิตอลได้

ลองจินตนาการดูว่าคุณเป็นผู้ขายกาแฟ และลูกค้าทำการ copy ไฟล์เงิน 'five-euros.jpg' มาจ่ายคุณ และยังนำมันไปจ่ายที่ร้านอื่นอีกด้วย เนื่องจากว่าไฟล์สองไฟล์นี้เหมือนกันทุกอย่าง จึงทำให้ไม่สามารถแยกได้ว่าใครเป็นเจ้าของที่แท้จริงของไฟล์เงินดังกล่าว

และข้อเสียอีกข้อหนึ่งก็คือ เมื่อมันถูก copy และ paste ได้ไม่จำกัด นั่นจึงหมายความว่าผู้ที่ทำการ copy นั้นจะสามารถจ่ายเงินกี่ครั้งก็ได้ตามที่พวกเขาต้องการ (ทำตัวเสมือนเป็น FED ที่สร้างเงินได้เอง)

Cryptocurrency จึงถูกคิดค้นมาเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าวนี้

สิ่งหนึ่งที่ทำให้ cryptocurrency หรือ Bitcoin นั้นแตกต่างจากสกุลเงินดิจิตอลธรรมดาทั่ว ๆ ไปนั้นก็คือการบันทึกธุรกรรมของมันนั้นถูกเก็บไว้บนสมุดบัญชีที่เรียกว่า Blockchain

Bitcoin เป็นสกุลเงินดิจิตอลที่ใช้เทคนิคการเข้าและถอดรหัส เมื่อตัวเลขที่ไม่สามารถถูกจับต้องได้ถูกส่งจากบุคคลหนึ่งสู่อีกบุคคลหนึ่ง สมุดบัญชีที่ว่านี้จะทำการเก็บข้อมูลธุรกรรมที่ว่านี้ไว้

หากคุณอยากจะเปิดบัญชีธนาคารสักแห่งหนึ่ง สิ่งที่คุณต้องทำก็แค่เดินเข้าธนาคารที่คุณชอบ และกำเงินเข้าไปขอเปิดบัญชี สิ่งที่คุณจะได้รับกลับมาก็คือสมุดบัญชีหนึ่งเล่ม ที่มีเลขบัญชีและชื่อของคุณสลักไว้

แต่สำหรับ Bitcoin นั้น ทุก ๆ คนสามารถที่จะสร้าง public และ private key ที่สามารถถูกใช้ได้โดยเปรียบเสมือนกับบัญชีธนาคารเพื่อรับเงิน โดย public key ที่ว่านี้เราจะเรียกมันว่า 'Bitcoin address' ซึ่งของแต่ละคนจะไม่มีวันเหมือนกันและซ้ำกันได้เมื่อถูกระบบสร้างมันออกมา

ดังนั้นหากจะให้เปรียบก็คือ address ของ Bitcoin นั้นก็ไม่ต่างจากเลขบัญชีธนาคาร เพียงแต่ว่ามันไม่ได้ถูกผูกกับธนาคารใด ๆ ไว้ และไม่มีใครมาเป็นเจ้าของมันนั้นเอง

ปัจจุบันเหรียญ cryptocurrency นั้นมีมากมายกว่า 1,000 เหรียญในตลาด นับตั้งแต่ต้นกำเนิดของ Bitcoin ที่ source code ของมันเป็นแบบ open source นั้น ทำให้ใคร ๆ ก็สามารถสร้างเหรียญของตัวเองขึ้นมาได้

แต่สิ่งหนึ่งที่สร้างความแตกต่างให้เหรียญตัวนั้น ๆ มีความ "เจ๋ง" กว่าเหรียญตัวอื่น ๆ นั้นหาใช่ราคาของมันไม่ แต่เป็นเทคโนโลยีที่มันถูกใช้อยู่ต่างหาก ที่เป็นมูลค่าที่แท้จริงของมัน

สำหรับคนที่สนใจจะศึกษาเทคโนโลยีนี้อย่างละเอียด ลองไปศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ ->
https://goo.gl/CdhVCn


และสำหรับคนที่ศึกษาจนเข้าใจแล้ว และอยากลองลงสนามจริงซักครั้ง แต่ยังไม่รู้ว่าควรจะเปิด Port หรือเริ่มต้นอย่างไร


ลองไปศึกษาได้ที่ -> https://goo.gl/CdhVCn


( ในนี้อธิบายถึงวิธีการเปิด Port แบบเป็นขั้นเป็นตอน ตั้งแต่นับ 1 จนถึงสมัครเสร็จสมบูรณ์พร้อมวิธีการยืนยันตัวตน การฝาก ถอนเงิน บาทไทยแบบต่างๆ , Trade ซื้อขายเพื่อทำกำไร วิธีขุดแบบต่างๆที่จะได้มันมา ทั้งการลงทุน และลงแรง อยู่ที่ฝีมือและวิสัยทรรศของคุณแล้ว )

ยิ่งช้า ก็ยิ่งปล่อยให้โอกาสหลุดลอยไป ซึ่งตอนนี้ถือได้ว่าเป็นขาขึ้นเต็มตัวแล้ว
ไม่จำเป็นต้องลงทุนขุดก็ได้ ลงแรงก็ถือเป็นการลงทุนอย่างหนึ่งเช่นกัน หรือใครคิดว่า ยุ่งยากในการขุด ก็ยังสามารถ Trade ซื้อขายเก็งกำไรได้ด้วยเช่นกัน
ตัวอย่างง่ายๆ นั้นก็คือ เมื่อช่วงกลางเดือน มีนาคม 2019 ราคาเหรียญ 1 BTC มีราคาแค่ 100,000 ( หนึ่งแสนบาท ) เพียงเท่านั้น
แต่มา ณ วันนี้ 1 BTC มีราคาพุ่งขึ้นมาถึง 2,005,000 ( สอนล้านห้าหมื่นบาท ) นั้นหมายถึง คุณลงทุน 1 หมื่นบาท ในการซื้อเหรียญ BTC เพื่อครอบครองมันไว้ ถ้านำมาขายตอนนี้ จะสามารถขายได้ถึง 200,500 ( สองแสนห้าร้อยบาท ) นั้นเอง นั้นคือได้กำไร ถึง 190,500 ในระยะเวลาเพียง 2 ปีเท่านั้น มีการลงทุนตราสาร หุ้น ออมเงินชนิดไหนได้มากเท่านี้ คงยากแล้ว