*ผ่อนได้ทุกอย่าง*prada messenger สั่งผิดขายขาดทุน, 2ซิบ 5 ช่องใบเดียวในโลก, หนังกวางลูกค้าตัวแสบ, หนังแกะจับยับสวยสุดๆ, limited color for โอลิมปิค, Gucci tote, wallet, duffle ใบสุดท้าย รองเท้า สวยๆ เสื้อกว่า 20 ตัว ลดด้วย ผ่อนได้ Fendi messenger ETC

[Eddy]

Fendi’s men wallet

สำหรับผู้ชายที่ไม่ชอบอะไรเหมือนใคร ออกแนวแตกต่าง ขณะที่ทุกคนกำลังทุ่มใช้ LV ใช้ Gucci FENDI แบรนด์ที่เย่อหยิ่งในความยิ่งใหญ่ของตัวเอง มี innovation ของหนังออกมาต่อเนื่อง

1 ใน innovation ของ FENDI ทุกคนต้องตะลึงคือ การอัดตัวเม็ดกะจายแสง shimmer เข้าไปตัวเนื้อหนัง ยังผลให้หนังตัวนั้น เวลาเอามาทำกะเป๋า ตัว shimmer มันจะเกาะติดไม่หลุดลอกออกมาเวลาใช้งาน ซึ่งแบรนด์อื่นๆไม่เคยมีใครกล้าทำแบบนี้ เพราะมันเป็นกึ่งงานศิลปะ การกระจาย shimmer ต้องอาศัยทั้งเทคโนโลยี และเป็นศิลปะ ตัวแบรนด์ต้องเก่งจิงๆ ไม่งั้นจะเสียหนังไปเลย ซึ่งก็เป็น FENDI อีกน่ะแหละที่สามารถทำได้

อีกทั้งในขณะที่ทุกแบรนด์ พยามยามลดต้นทุนตัวเอง งานไหนง่ายก็ไปผลิตนอกอิตาลี เช่น ยุโรปตะวันออก จีน ตุรกี อินเดีย ไม่เว้นแม้กระทั่ง LV ที่ต้องหนี line การผลิตกะเป๋าตังตัวเองไปที่ สเปน หรือ อมริกา อีกทั้ง กะเป๋าทีต้องอาศัยการชำนาญอย่างสูง LV ก็ไม่สามารผลิตที่ฝรั่งเศสได้ เนื่องด้วยศิลปะ วิทยการ อีกทั้งฝีมือแรงงานที่สุดยอดของโลก ทั้งหมดจะต้องเป็นที่ อิตาลีเท่านั้น แน่นอนว่าค่าแรงงานฝีมือแพงระยับ จะต้องเป็นช่างฝีมืออิตาลีเท่านั้น มิแปลกใจทำไมกะเป๋าที่ limited ของ LV จะต้องไปทำที่อิตาลี ไม่แปลกใจหรอกที่ LV พยายามที่จะฮุบกิจการของ FENDI ตาเป็นมัน เพาะทึ่งในเทคโนโลยี และ innovation ส่วน FENDI บอกว่า เธออาจจะได้ชั้นแค่ร่างกาย แต่จิตวิญญาณความเป็น FENDI ไม่มีวันที่เธอจะครอบงำชั้นได้ ... เก๋ป่ะล่ะ ?


Fendi’s men wallet ไม่เหมือนใครใบนี้ก็เช่นกัน ลวดลาย Zucca FF อันเป็น signature ที่อยู่คู่กับ FENDI มานับร้อยปี ผ่านการพัฒนา บรรจงลงบนกะเป๋า FENDI ที่เป็นหนังบ้าง Canvas บ้าง สรรสร้างทำเป็น FF ตัวใหญ่ เพื่อคุณผู้ชายได้ใช้ เพนท์ลายสีให้เข้ม ไล่ระดับเพื่อให้กะเป๋าตังดูมีมิติ และทำให้กะเป๋าตังดูมีชีวิต ข้างในเก๋มากไม่เหมือนใคร ทำจากหนังแท้ พิมพ์ลายไม้ แบบเลียนแบบลายไม้ตามธรรมชาติ (ไม่ดูเสร่อ แบบลายไม้ของ หลุยส์) ดู vintage และมีรสนิยมเลิศวิไล กะเป๋า

-เป็นแบบหรูสุด กล่าวคือจะต้องมีช่องใส่แบงค์ได้ถึง 2 ช่อง! (สังเกตว่าแบบถูกจะมีช่องใส่แบงค์ช่องเดียว)

-และช่องซ่อนแอบอยู่หลังช่องเครดิตการ์ด อีก 2 ช่อง

-เครดิตการ์ดต้องมี 6 ช่อง

-กะเป๋าตังมีถุงผ้าด้วย ซึ่งไม่มีแบรนด์ไหนเค้าทำกันแล้ว

และที่สำคัญ กะเป๋า FENDI ต้อง made in Italy เท่านั้น ไม่ว่าจะเป็น line ยากส์ หรือ line ง่าย กะเป๋าตังที่ไม่มีแบรนด์ไหนจะทำใน Italy กันแล้ว แต่ FENDI ก็ยังยึดมั่น ถือมั่น และมุ่งมั่น เพื่อสร้างความแตกต่าง ทำสินค้าออกมาในจำนวนน้อยเพื่อควบคุมคุณภาพ และรักษาความเป็นมืออาชีพของช่างฝีมือแรงงานอิตาลี เพื่อสืบสานเจตนารมณ์จากรุ่นสู่รุ่น ช่างรุ่นใหม่ๆจะได้เก่งฉกาจจากความรู้ที่สั่งสมกันมา + เทคโนโลยีใหม่ๆที่ออกมาตลอดเวลา ทำให้ FENDI เป็นประหนึ่งงานศิลปะ แทนที่จะเป็นแค่คนขายกะเป๋าตังทั่วไป ที่แค่ผลิตมาเยอะๆเอากำไรจากปริมาณ แต่ไม่ได้มีมูลค่าเพิ่มให้กับตัวเองใดๆ ต่างจาก Super brand FENDI ที่กว่าจะออกผลิตภัณฑ์ ต้องผ่านกระบวนการคิด ว่าจะผลิตงานศิลปะออกมายังไงก่อน มิแปลกใจทำงานของ FENDI จึงออกมาค่อนข้างจำกัดมาก เพราะเค้าต้องอาศัยคนที่รักและเข้าใจความยิ่งใหญ่ที่สืบสานกันชั่วอายุคนมาเป็น 100 ปีได้




ทำไม 'Made in Italy' ถึงเชื่อมั่นได้ในทุกอย่าง และเหนือกว่า Made in France?


-Made in Italy หมายถึงแรงงานฝีมือขั้นเทพอันดับ 1 ของโลก ที่อัตราค่าแรงต่อชม.แพงระยับ งานยากส์ของแบรนด์ ฝรั่งเศส เช่น Louis Vuitton หรือ YSL ก็ยังต้องมาทำืั้ที่ Italy
-Made in Italy หมายถึง การไม่ใช้แรงงานเด็กโดยเด็ดขาดเพราะ เป็นสนธิสัญญาของประเทศที่เจริญแล้วที่ทำกับประชาคมโลก
-Made in Italy ยังมีสนธิสัญญากับประชาคมโลกว่าการย้อมสีต้องมาจากวัสดุธรรมชาติเท่านั้น (++ซึ่งทำยากมากนะ เพราะ มันต้องใช้วัสดุสีที่ย่อยสลายได้ตามธรรมชาติเท่านั้น เช่นใบไม้.. ใบไม้ เปลือกไม้ แล้วจะต้องเด็ดมาทั้งต้นมั้งกว่าจะย้อมได้ใบนึง แล้วใบไม้แต่ละใบ เปลือกไม้แต่ละเปลือกต้องให้สีเท่ากัน เพื่อให่กะเป๋าใบ มีที่สม่ำเสมอ++ และ ยังต้องมั่นใจว่า น้ำจากการย้อมจะถูกทำลายด้วยด้วยวิทีทางชีววิทยา ชะนั้นย้อม จนถึงทำลาย ต้องเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมทั้งกระบวนการ) ทำให้กะเป๋าในปัจจุบันต้องไปทำนอกอิตาลี เพราะอยากจะลี้ภัยจากสนธิสัญญาอันนี้... พอต้นทุนสูงขึ้น hi-end แบรนไหนๆ ต่างก็ต้องลดค่าใช้จ่ายตัวเอง


เก็บ Made in Italyคำนี้ไว้ หากใช้ไป ขายต่อราคาก็ไม่ตกเพราะเดี๋ยวนี้เค้าไม่ Made in Italy กันแล้ว


































ทำไม 'Made in Italy' ถึงเชื่อมั่นได้ในทุกอย่าง และเหนือกว่า Made in France?


-Made in Italy หมายถึงแรงงานฝีมือขั้นเทพอันดับ 1 ของโลก ที่อัตราค่าแรงต่อชม.แพงระยับ งานยากส์ของแบรนด์ ฝรั่งเศส เช่น Louis Vuitton หรือ YSL ก็ยังต้องมาทำืั้ที่ Italy
-Made in Italy หมายถึง การไม่ใช้แรงงานเด็กโดยเด็ดขาดเพราะ เป็นสนธิสัญญาของประเทศที่เจริญแล้วที่ทำกับประชาคมโลก
-Made in Italy ยังมีสนธิสัญญากับประชาคมโลกว่าการย้อมสีต้องมาจากวัสดุธรรมชาติเท่านั้น (++ซึ่งทำยากมากนะ เพราะ มันต้องใช้วัสดุสีที่ย่อยสลายได้ตามธรรมชาติเท่านั้น เช่นใบไม้.. ใบไม้ เปลือกไม้ แล้วจะต้องเด็ดมาทั้งต้นมั้งกว่าจะย้อมได้ใบนึง แล้วใบไม้แต่ละใบ เปลือกไม้แต่ละเปลือกต้องให้สีเท่ากัน เพื่อให่กะเป๋าใบ มีที่สม่ำเสมอ++ และ ยังต้องมั่นใจว่า น้ำจากการย้อมจะถูกทำลายด้วยด้วยวิทีทางชีววิทยา ชะนั้นย้อม จนถึงทำลาย ต้องเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมทั้งกระบวนการ) ทำให้กะเป๋าในปัจจุบันต้องไปทำนอกอิตาลี เพราะอยากจะลี้ภัยจากสนธิสัญญาอันนี้... พอต้นทุนสูงขึ้น hi-end แบรนไหนๆ ต่างก็ต้องลดค่าใช้จ่ายตัวเอง


เก็บ Made in Italyคำนี้ไว้ หากใช้ไป ขายต่อราคาก็ไม่ตกเพราะเดี๋ยวนี้เค้าไม่ Made in Italy กันแล้ว

[SIZE=4]






















อุปกรณ์ การันตรีการ์ดจัดเต็มแบบไม่ยั้ง 6 ภาษาแบบจัดเต็ม ไม่น้อยหย้าแม้ว่าเป็นกะเป๋าตัง










10,500 บาท (0%ผ่อนได้เหมือนเดิม)

[Eddy]

กะเป๋าตังสีแดง แรงฤทธิ์ มาพร้อมอุปกรณ์จัดเต็ม และเอาไปห่อที่ shop เป็นของขวัญให้ได้ ไม่มีปัญหา
เป็นกะเป๋าตังที่เก๋และไม่เหมือนใครมาก
เอาหนังวัวชั้นดี ด้านในมาปั่นไม่หยุดพัก 48 ชม. ให้เป็นเม็ดเล็ดละเอียด เพื่อทำให้ตัวกะเป๋ากันรอยขีดข่วนไปในตัว เหมาะกับคนที่ต้องการหาความแตกต่าง

กะเป๋าตังมีถุงผ้าด้วย ซึ่งไม่มีแบรนด์ไหนเค้าทำกันแล้ว
ช่องยาวใส่ของ มีถึง 3 ช่องยาว+ 1 ช่องด้านหลังกะเป๋าแบบจัดเต็มซึ่งอ้าได้กว้างมากอีก (แบรนด์อื่นเป็นแค่ซิบ อ้าได้แค่ครึ่งเดียว)
ใส่บัตรเครดิตได้เยอะมากถึง 12 ช่อง
Made in Italy ที่บอกได้เลยว่าไม่มีแบรนด์ไหนเค้าทำไหน อิตาลีกันแล้ว...


จำไว้ว่าใครชอบ กะเป๋าสีแดง เค้าบอกกันว่าจะมีแรงดึงดูดเพศตรงข้าม (หรือเพศเดียวกัน) มากกว่าสีอื่น หรือพูดง่ายๆว่ามี sex appeal ดึงดูดคนให้มาเข้าใกล้ อยากทำความรู้จักมากกว่าสีอื่นใด

[Eddy]

15,500 บาท (0% ผ่อนได้)

[Eddy]

แต่จิงๆที่ชอบมากกว่าคือ'ถุง' เพาะถุงเค้าจะออกแบบเก๋มาก และ ใช้วัสุที่ลำและแพง

ตรงห่วง 4 จุด จะใช้วัสดุ รูทินั่มแสนแพง ให้สีที่ดู futuristic ล้ำอนาคตมากๆ

หูห้อยกะเป๋าจะใช้การสอดเข้าไปแล้วติดกระดุม แป้ก... ซึ่งยอมรับเลยนะว่าคิดได้ไง คิดต่าง แต่เก๋มากๆ

งานพวกนี้มันไม่ใช่แค่ช่วยส่งเสริมความคิดคนขายนะ เอ้ดดี้มันช่วยส่งเสริมความคิดคนใช้ด้วยนะ ทำให้เราฉลาดขึ้น

สามารถไปต่อยอดความคิดของเราเวลาไปทำงานอื่นๆ จิงมะ?




























หูห้อยกะเป๋าจะใช้การสอดเข้าไปแล้วติดกระดุม แป้ก... ซึ่งยอมรับเลยนะว่าคิดได้ไง คิดต่าง แต่เก๋มากๆ

[Eddy]

FENDI คุณ ไม่ใช่ แฟชั่น แต่คุณ เป็น 'ตำนาน'





















เจ้าแม่แฟชั่น Anna Wintour บก. Vogue อเมริกาผู้มีอิทธิพลมากที่สุดในโลก ชี้เป็น-ชี้ตายได้กับทุกแบรนด์ ก็ ยังใส่ เฟอร์ ของ FENDI



[/SIZE]





การ์ตูน Anna in Fendi



ดูเจ๊วิก (Victoria Beckham)สิ ขึ้นชื่อว่ากว่าเจ๊จะใช้แต่ละแบรนด์นะ คัดแล้วคัดอีก.. เจ๊ก็ยังเืลือกใส่ เฟอร์ ของ FENDI
จากรูปจะเห้นว่า แม้ว่าจะถือ Birkin Fur ของ FENDI ยังสวยโดดเด้งกว่า ไม่มีทีติจิงๆ







เฟอร์ของ FENDI ขึ่้นชื่อมากๆใน เรื่องคุุณภาพ ความหนานุ่ม และความสง่างาม luxury และยังมีเล่นสีอื่นๆ แทรก ให้ดูมีระดับ ลูกเล่นด้วย เลิสมากจิงๆ




กำเนิดมาตั้งแต่คศ. 1925 (ก่อนสถาบันเพื่องานชั้นสูงของฝรั่งเศสที่มักจะได้ยินว่า โอว์ กูตรู-Haute Couture จะเกิดขึ้นซะอีก ) ดังมาจากการผลิตเสื้อเฟอร์ขนสัตว์ และดังอย่างมากในชนชั้นสูงของอิตาลีอย่างที่บอก และ 5 ดรุณี แห่งตระกูล FENDI พี่น้องหญิงล้วน จำเป็นต้องผนึกพลังรวมกันเพื่อสานต่อกิจการครอบครัวเพื่อเทียบขั้น ระดับเสื้อผ้าชั้นสูง Haute Couture ของ Italy และกลายมาดังอย่างมากในระดับโลก world class จนถึงปัจจุบัน

มีแบรนด์ไม่กี่แบรนด์หรอกนะทีี่นามสกุลประจำตระกูลจะกลายเป็นชื่อแบรนด์ ระดับโลกต่อเนื่องยาวนานนับเป็น 100 ปีอย่างนี้ ... และแน่นอน FENDI คือ 1 ในนั้น

-->ความสัมพันธ์ของ FENDI กับแบรนด์ 'Prada' ระดับโลกคืออะไร?
แม้แต่ Prada แบรนด์อัจฉริยะของโลกในปัจจุบัน ยังเล็งคุณค่า และพยายามซื้อ FENDI เพราะเล็งเห็นคุณค่าของแบรนด์
FENDI อย่างมาก และสามารถนำการ design และ เทนนิคขั้นเทพของ FENDI ไปต่อยอดการผลิตของตัวเอง... แต่นั่นแหละ... Prada ก็ต้องถอดใจในความสง่างามของ FENDI ไปในที่สุด


-->FENDI 'Made in Italy' เท่านั้น สำคัญอย่างไร?
ด้วยความมุ่งมั่นในการสรรสร้างงานคุณภาพ ระดับ 'Made in Italy' เท่านั้น สินค้าของ FENDI จึงผลิตมาได้ไม่มากนัก จึง ต้องการให้สินค้าของตนไม่มีข้อกังขาเรื่องคุณภาพ โดยไม่คิดเคลื่อนย้ายงานสร้างสรรของตนไปสู่ประเทศที่มีค่าแรงถูก ลูกค้าของ FENDI จึงมั่นใจว่าส่วนประกอบทุกทุกอย่างของ FENDI เกิดที่อิตาลีเท่านั้น 'Only Made in Italy' สินค้าของ FENDI จึงผลิตออกมาไม่เยอะ ไม่มีขายทางเวบออนไลน์ของ FENDI แต่รับปะกันได้ว่าทุกใบทุกจุดทุกอย่างเป๊ะ...


-->ทำไม 'Made in Italy' ถึงเชื่อมั่นได้ในทุกอย่าง? และเหนือกว่าทุกประเทศในโลก แม้แต่ 'Made in France'?

-Made in Italy หมายถึงแรงงานฝีมือขั้นเทพอันดับ 1 ของโลก ที่อัตราค่าแรงต่อชม.แพงระยับ งานยากส์ของแบรนด์ ฝรั่งเศส เช่น Louis Vuitton หรือ YSL ก็ยังต้องมาทำืั้ที่ Italy

-Made in Italy หมายถึง การไม่ใช้แรงงานเด็กโดยเด็ดขาดเพราะ เป็นสนธิสัญญาของประเทศที่เจริญแล้วที่ทำกับประชาคมโลก

-Made in Italy ยังมีสนธิสัญญากับประชาคมโลกว่าการย้อมสีต้องมาจากวัสดุธรรมชาติเท่านั้น (++ซึ่งทำยากมากนะ เพราะ มันต้องใช้วัสดุสีที่ย่อยสลายได้ตามธรรมชาติเท่านั้น เช่นใบไม้.. ใบไม้ เปลือกไม้ แล้วจะต้องเด็ดมาทั้งต้นมั้งกว่าจะย้อมได้ใบนึง แล้วใบไม้แต่ละใบ เปลือกไม้แต่ละเปลือกต้องให้สีที่เท่ากัน เพื่อให่กะเป๋าใบ มีที่สม่ำเสมอ++ และ ยังต้องมั่นใจว่า น้ำจากการย้อมจะถูกทำลายด้วยด้วยวิทีทางชีววิทยา ชะนั้นย้อม จนถึงทำลาย ต้องเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมทั้งกระบวนการ) ทำให้กะเป๋าในปัจจุบันต้องไปทำนอกอิตาลี เพราะอยากจะลี้ภัยจากสนธิสัญญาอันนี้... พอต้นทุนสูงขึ้น hi-end แบรนไหนๆ ต่างก็ต้องลดค่าใช้จ่ายตัวเอง

เก็บ Made in Italyคำนี้ไว้ หากใช้ไป ขายต่อราคาก็ไม่ตกเพราะเดี๋ยวนี้เค้าไม่ Made in Italy กันแล้ว!

FENDI จึงยังเลือกที่จะคง คอนเซบ 'Made in Italy' เท่านั้นกำไรน้อยไม่เป็นไร โลกต้องการขนาดไหน FENDI ก็ผลิตได้เท่านี้จิงๆ และ FENDI ไม่ขายผ่านเวปตัวเองออนไลน์ด้วย


เกิดมาเกือบ 100 ปี จาการผลิตเฟอร์จนโด่งดังไปทั่วโลกจนถึงปัจจุบัน และเริ่มขยับมาผลิตไลน์เครื่องหนัง ก็นั่นอีกน่ะแหล่ะ ที่ FENDI ยังคงรักษาคุณภาพของแบรนด์ตัวเองไว้ไม่เสื่อมคลายโดย :

-->เป็น FENDI ที่เลือกเฟ้นหนังคุณภาพที่ดีที่สุดในโลกมาทำกะเป๋า

-->เป็น FENDI อีกที่ ริเริ่มในการฉีกกฏเกณฑ์การทำกะเป๋าแบบเดิมที่เป็นโครงสร้างแข็งๆ มาเป็นกะเป๋าแบบไร้โครงสร้าง แต่อาศัย เทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆเปลี่ยน หนังกะเป๋าให้มีความ soft และดูน่าดึงดูด ไร้โครงสร้าง จนกะเป๋า Hi-end แบรนด์ต่างๆต่างมาทำตาม

-->เป็น FENDI นี่แหละที่เป็นผู้เริ่มเล็งเห็นในความสามารถ สร้างสรรค์ของ ปู่ Karl Lagerfeld (creative Director มือ 1 ของ Chanel และของโลก ตอนนี้) ซึ่ง FENDI เล็ง เห็นว่า ปู่ Karl จะโด่งดังมากๆในอนาคต (และก็เป็นจริงซะด้วย!) จึงจับมือเป็นพันธมิตรกับปู่ Karl บรรจงสรรคสร้าง line กะเป๋าของ FENDI แล้วทำให้ FENDI โด่งดังเป็นพลุ

ว่ากันว่าเป็น FENDI นี่เลยที่เป็นคนดึงความเป็นเทพของ ปู่ Karl (แห่ง Chanel) จาก designer ไร้ชื่อ no-name ออกมาให้ชาวโลกเห็น ผ่านการสร้างสรรของกะเป๋า FENDI ในยุคนั้น และนับเป็นจุดเริ่มต้นทีทำให้ Chanel by ปู่ Karl โด่งดังมากจนกู่ไม่กลับแล้วตอนนี้!


โดยคอนเซบกะเป๋าขอ FENDI จะเน้นหลักๆคือ :

1.FENDI เลือกใช้แต่หนังคุณภาพระดับเทพเท่านั้น ซึ่งไม่ได้มีแค่หนังวัวเท่านั้น แต่มีหนังแกะ หนังงู แม้กระทั่งงูน้ำทแสนจะประหลาดหายาก FENDI ก็ยังไปเสาะแสวงหามาทำกะเป๋า! และรวมถึงหนัง exotic ต่างๆ หายากๆราคาแพงๆ FENDI ก็ยังเอามาทำอย่างมีความชำนาญ รวมอยู่ด้วย บอกได้เลยว่า Hermes เอาหนังไรมาทำ FENDI ทำได้ตั้งแต่ก่อน Hermes อีก!

2.FENDI จะชอบแสดงแสนยานุภาพแบบงาน detail เยอะๆ ลวดลายวิจิตรบรรจงโดยช่างฝีฝืออิตาลีที่ จัดว่าเป็นช่างฝีมืออันดับ 1 ของโลก มิแปลกใจว่าทำไมกะเป๋า ไลน์ detail เยอะๆของ Louis Vuitton หรือ YSL ต้องมาทำที่อิตาลีแม้ว่าตัวเองจะเป็นแบรนด์ ฝรั่งเศสก็ตาม!


-->ความสัมพันธ์ของ FENDI กับ แบรนด์ Chanel แบรนด์ระดับโลกคืออะไรเหรอ?
เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่า Chanel เป็นแบรนด์อันดับ 1 ของโลก ภายใต้กำมือของ ปู่ Karl Lagerfeld ซึ่งถือ Creative Director เป็น อันดับ 1 ของ โลก!

--> ย้อนไปประมาณ 50 ปีที่แล้ว สมัย ทีี ปู่ Karl Lagerfeld ยังวัยกระเตาะ เป็น designer ไม่มีชื่อ no-name
ผมหางม้าของปู่ยังไม่ยาว (ซึ่ง ปู่ Karl Lagerfeld เคยให้สัมภาษณ์ว่าไม่กล้าตัดเพราะกัวตัดแล้วผมไม่ขึ้น... เรื่องจริงนะครับ ไปเช็คได้เลย) สมัยนั้นแหล่ะ เป็น FENDI ที่ริเริ่มเล็งเห็นความสามารถในตัวของ ปู่ Karl และเป็นคนที่ให้โอกาส และดึงศักยภาพของ ปู่จนโลกต้องตะลึง...

เรียกได้ว่า : ''ถ้า FENDI ไม่เลือก Karl Lagerfeld , Chanel ก็ไม่มีวันเล็งเห็นศักยภาพคุณ แล้วเลือกคุณมาเป็น ครีเอทีฟ ไดเรคเตอร์ จนทำให้คุณดังมากขนาดนีหร้อก''


จำไว้นะ ว่า เรา FENDI เป็น คนเล็งเห็นคุณก่อน Chanel! และคนทั้งโลกก้จะไม่มีวันได้ถือ กะเป๋า Chanel ที่ดังมากๆในเวลานี้ได้เลยยย

--> แล้วกะเป๋าใบนี้มันเกี่ยวกับ designer มือ 1 ของโลกอย่างปู่ Karl ยังไงเหรอ?

การเล็งเห็นการณ์ไกลว่า ปู่ Karl จะดังมากในอนาคต จึงจับมือเป็นพันธมิตรกับปู่ แล้วเริ่ม การสรรค์สร้าง
FENDI signature Logo ที่เรียกว่า Zucca หรือ เรียกง่ายว่า ‘double FF’ ในปี 1965 และกลายเป็นความอมตะ เหมือนต้องมนต์ที่ไม่มีวันเสื่อมคลาย ดังนั้นกระเป๋าทุกใบ ทุกรุ่นของ FENDI ไม่ว่าจะออกแบบทรงไหนมา จะต้องมีอักขระ ‘double FF’ หรือ Zucca (จะใช้ FENDI ก็อ่านให้ถูกนะ) ในทุกใบสอดแทรกอยู่ ถ้าเป็นกะเป๋าหนังทั้งใบ ‘double FF’ ก็จะอยู่ในส่วนที่เป็นโลหะ หรือถ้าเป็น กะเป๋า jacquard แคนวาสถักทอ ผ้า jacquard ก็จะทอ ด้วย ‘double FF’ ทั้งใบ ให้รู้กันไปเลย

อย่างที่บอกว่า กะเป๋า FENDI นอกจากราคาจะแพงมากๆแล้ว การเสาะแสวงหากะเป๋าก็ยากไม่แพ้กัน.. กะเป๋าผู้หญิงของ FENDI เนี่ยเรียกว่าขั้นเทพทุกใบ เพาะเค้า made in Italy อย่างเดียวเลย และ detail ระดับงาน ของ ปู่ Karl Lagerfeld แห่ง Chanel เลยนะ

ใบแต่ละใบเค้าจึงแพงมาก เพราะ designer คือ Karl Lagerfeld ระดับเทพ world class

ดังนั้น ตัวอักษร ‘double FF’ หรือ Zucca ก็มาจากเค้านี่แหละ

ตัวอย่างกะเป๋าที่เปน ไอคอนของ FENDI

Spy Bag ‘double FF’ หรือ Zucca detail เยอะๆ งานละเอียดตามคอนเซปของ FENDI















เจ๊วิกก็มานะเนี่ย Spy Bag นึกว่าเจ๊จะถือแต่ Birkin ซะอีก





Crocodie FENDI Tote - $9000 (300,000 บาท) ที่เป็นเจ้าของโดย Ashley Olsen










B Bag






Baguette Bag - หนังแกะ ปั๊มลาย double FF สวยมาก ใบเล็กๆหนีบรักแร้ แต่ขายกันเกือบ 4 หมื่น!





ตอน บาแก๊ต ฉลอง 10 ปี ของการผลิต มีการแข่งขันการออกแบบทั่งโลก และคนไทยได้รางวัลนี้!
เก๋มาก ออกแบบกะเป๋าบาแก๊ตโดยใช้ลวดลายของธงชาติอิตาลี อันเป็นประเทศต้นกำเนิดของ FENDI!
ตามนี้เลย


Thanks: ฝากรูป, ฟุตบอล




แม่คิมเนี่ยตอนป่วยบนรถเข็นยังถือ FENDI เล้ย..






Anna bag - season ล่าสุด ที่ใช้คอนเซบในการเลือกหนังขั้นเทพ 3 ประเภทมาประติดประต่อกันโดยใช้ความชำนาญขั้นสูงจนปรากฎเป็น shoulder bag ที่สวยงามมากๆ ราคาใบธรรมดาก็เกือบแสน (shop ไทยบอกว่า 1 ในลูกค้าของกะเป๋ารุ่นนี้คือ บัวชมพู-ฟอร์ด)

The name of the collection is inspired by one of the most beloved Italian actresses, a movie icon of the neo-realism period, Anna Magnani. Anna was born in Rome in 1908, in the sixties she worked with P.Paolo Pasolini, Franco Zaferelli and took part in “Medea” directed by Giancarlo Menotti, the play that had huge success on all of the stages in Europe. The collection is made up with a variety of leathers such as calfskin, stingray, rice grain calfskin, pony hair, crocodile leather and patent leather with different colors on a complete chromatic scale starting for the neutral beige to the strong ochre yellow, petroleum blue and citron green.







สวยมากจิงๆ ชิ้นนี้หนัง Aligator (ต้องจรเข้ แอฟริกา เท่านั้น)





อีกใบที่ไม่แพ้กัน Chameleon bag ที่เค้าบอกว่า FENDI กลับมาพร้อมกับ เสียง ปั้ง เพาะมันสวยมากๆๆ กับ
Tri-color พร้อม material ขั้นเทพ งานฝีมือช่างอิตาลีล้วนๆ

The latest from Fendi also happens to be the greatest. Fendi is back with a bang! (I’ll always hold a nostalgic place for my Baguette!) The “Chameleon’s” sensuous curves give this practical satchel an alluring shape, one that feels brand new. On closer inspection, you realize it’s not a new shape (still a basic rectangle), it’s just that the panels and seams are so cleverly designed they create that mysteriously alluring deception! No wonder it’s called the “Chameleon.” Genius!

Following the color-blocking trend, each panel has subtle color varieties. And the choices are sublime: warm browns, as appealing as a box of chocolates; soft taupes, a neutral khaki combo; and mildly varied yellows. This is one bag that has a longer lifespan than other current color combo bags. Later releases can explore tone on tone or a change in fabrication, which will keep it current and give it longevity. With this hit, Fendi once again regains “It” status – which says a lot considering there are not many bags that make “it” anymore. If you need further proof, check it out on the arm of young “It” girl Emma Stone. I’m with Emma. The “Chameleon” is enough for me to foray into the house of Fendi once again






และที่สุดเมื่อ season ที่แล้ว FENDI Pi-ka-boo กะเป๋าคลาสสิคตลอดกาล
ที่อาศัยความชำนาญชั้นสูงทั้งหนังที่เลือกมาผลิต
และคอนเซบการเปลือยหนังด้านใน ให้เห็นความความละเอียดลออของหนังที่ใช้ด้านในด้วยเหมือนกัน
มิแปลกใจที่มันได้กลายเป็นกะเป๋าที่ฮิตมากๆ แม้ในปัจจุบัน



























การเป็นแบรนด์แรกที่ใช้ กำแพงเมืองจีน (Great Wall)
ในการเดินแฟชั่น นับเป็นอีกก้าวย่างของแห่งความสำเร็จของ FENDI ทีไม่มีวันที่ใครจะลืมเลือน

หน้าตาของ ปู่ Karl Lagerfeld Creative Director มือ 1 ของโลกกับ Sylvia FENDI ที่ร่วมมือกันตั้งแต่ ปู่ยังไม่ดัง จนปู่ดังมากขนาดนี้ (ปู่โดนคำสาปคือ ปู่จะทำให้แบรนด์คนอื่นดังมากๆ แต่แบรนด์ชื่อ ปู่เอง จะไม่ค่อยดัง!)




Celebrity ของ FENDI มีทั้ง Europe America and Asia



เห็นไหมว่าคุณผู้ชายก็ได้เดินในเวทีอันทรงเกียรตินี้นะ....





ปู่ Karl Lagerfeld กับ Slvia FENDI ปู่ Karl จะ ไม่มีวันลืมว่าใคร เป็นผู้ดึงศักยภาพจาก ดีไซน์เนอร์ โนเนม กับกลายมาเป็น ดีไซน์มือ 1 ของโลกแห่ง Chanek.... แน่นอน ไม่มีใครได้เห็นแววนี้ก่อน ถ้าไม่ใช่ FENDI...


==========================================================




แล้วถ้า FENDI แบรนด์ผู้หญิงจ๋ามาผลิตเพื่อให้ผู้ชายใช้จะเกิดอะไรขึ้น? ....


แน่นอน FENDI ไม่เคยลืมว่ารากเหง้าตัวเองมาจากไหน อะไรทำให้ตัวเองเป็นที่ต้องการของคนทั้งโลก แน่อน Zucca หรือ เรียกง่ายว่า ‘double FF’ จึงถูกนำมาสรรสร้างก่อนใครอื่น กะเป๋าผู้ชายของ FENDI ลายนี้

--> จุดเด่นของกะเป๋าผู้ชายของ FENDI ไม่ว่าจะเป็นทรงหรือลวดลาย จะเน้นความเป็นผู้ชายแท้ๆจริง
-ไม่มีก้ำกึ่งเป็น unisex
-อาจจะมีลูกเล่นหน่อย แต่ต้องไม่เยอะและ ไม่มาก

นี่คือ 1 ใน คำสรรเสริญของ 1 ใน ผู้สันทัดในแฟชั่นผู้ชายระดับโลก ที่มีต่อ 'ผู้ชายในแบบ FENDI'

กะเป๋าผู้ชายของ FENDI จะไม่เยอะ ทรงกะเป๋าจะไม่มีอะไรซับซ้อน / ถ้ามีหนังเป็นส่วนประกอบก็จะมาจากหนังคุณภาพเท่านั้น/ ข้างในจะมีเนื้อที่เยอะอีกทั้งดูแล้วก็จะรู้สึกสบายตา

'They are very laconic on shape, executed in perfect leathers and spacious and comfortable inside'



อีก 1 คำสรรเสริญ...

กะเป๋าผู้ชายของ FENDI จัดว่าเป็นกะเป๋าที่พอดีมากที่สุด ไม่มีจุดไหนที่จะต้องนำออก และไม่มีจุดในที่ต้องมีรายละเอียดเพิ่ม

'There is nothing excessive to remove or no details to add'


FENDI Skull เก๋มาก อีกหนึ่งความลงตัวของความเป็น hardcore + luxury + double signature FF อย่างลงตัว
เอาสัญญลักษณ์กะโหลกแมนๆ มาผสมกับ double signature FF---คิดได้ไงหว่า ..
บอกแล้ว่า FENDI for Men เค้าแมนๆ ไม่ก้ำ-ไม่กึ่ง





และนี่เป็นกะเป๋าที่เอ้ดดี้ได้มา ขอบอกว่า กะเป๋าผู้หญิงของ FENDI นี่ว่าหายากแล้ว กะเป๋า FENDI for Men ยิ่งหายากกว่า และยิ่งหามาด้วยราคาแบบนี้ที่เอ้ดดี้เสนอ....
FENDI for Men ทีราคาเท่ากับ Gucci และ Prada แบบนี้ด้วยแล้ว...
บอกได้คำเดียวว่ายากส์มาก... มี 3 ใบตามนี้ หมดคือ หมด ไม่หามาแล้ว เหนื่อยยย

1. Messenger Bag – ทำด้วยผ้า Jcqaurd ลวดลาย ‘double FF’ หรือ Zucca ที่ปู่ คารล์ แห่ง ชาแนล เป็นผู้ริเริ่ม สวยมาก



2. ฺBriefcase Bag - ลวดลาย ‘double FF’ หรือ Zucca แบบ Font ใหญ่ แมนๆ สีเข้มๆดูบึกบึน

จำไว้ว่า ทำไมถึงถือ FENDI 3 ใบนี้ เพราะ:

1. เมืองนอกเค้าจะรู้กันว่า FENDI ดังมาก ดังมากถึงขนาดมีคนบอกไว้ว่า คุณมีเงินมากเท่าไหร่ ก็เป็นอาเจ็ก อาแปะ อาซิ่มถือ หลุยส์ วิตตอง แต่ถ้าคุณถือ FENDI นั่นหมายความว่า คุณมีรสนิยมในการใช้ชีวิต เสพงานคุณภาพ และคุณคือตัวแทนของความหรูหราของประเทศอิตาลี ดินแดนที่ฉ่ำไปด้วยศิลปะ วัฒนธรรมและงานฝีมือระเอียดระดับโลก
2. FENDI สง่างามและ เย่อหยิ่ง ภูมิใจใน ความ made in Italy เท่านั้น

เพราะ

made it italy เชื่อมั่นได้ในทุกอย่าง
-made in italy หมายถึงแรงงานฝีมือขั้นเทพอันดับ 1 ของโลก ที่อัตราค่าแรงต่อชม. แพงระยับ
-made in italy หมายถึง การไม่ใช้แรงงานเด็กโดยเด้ดขาดเพราะ เป็นสนธิสัญญาของประเทศที่เจริญแล้วที่ทำกับประชาคมโลก
-made in italy ยังมีสนธิสัญญากับประชาคมโลกว่าการย้อมสีต้องมาจากวัสดุธรรมชาติเท่านั้น (++ซึ่งทำยากมากนะ เพราะ มันต้องใช้วัสดุสีที่ย่อยสลายได้ตามธรรมชาติเท่านั้น เช่นใบไม้.. ใบไม้ เปลือกไม้ แล้วจะต้องเด็ดมาทั้งต้นมั้งกว่าจะย้อมได้ใบนึง แล้วใบไม้แต่ละใบ เปลือกไม้แต่ละเปลือกต้องให้สีเท่ากัน เพื่อให่กะเป๋าใบ มีที่สม่ำเสมอ++ และ ยังต้องมั่นใจว่า น้ำจากการย้อมจะถูกทำลายด้วยด้วยวิทีทางชีววิทยา ชะนั้นย้อม จนถึงทำลาย ต้องเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมทั้งกระบวนการ) ทำให้กะเป๋าในปัจจุบันต้องไปทำนอกอิตาลี เพราะอยากจะลี้ภัยจากสนธิสัญญาอันนี้... พอต้นทุนสูงขึ้น hi-end แบรนไหนๆ ต่างก็ต้องลดค่าใช้จ่ายตัวเอง แต่ FENDI ยังยืนกรานในแนวคิดนี้ ไม่ยอมย้ายฐานการผลิต FENDIเค้าภูมิใจของเค้ามากๆ

3. ลายนี้มีตำนาน.....จาก มือ 1 ของโลก จำไว้ว่า กะเป๋า ลาย ‘double FF’ หรือ Zucca แบบ 2 ใบนี้ สร้างมาเป็น FENDI signature ที่ใครเห็นก็รู้เลยว่าคุณมีรสนิยมเลิศวิไลขาดไหน ลวลลาย ‘double FF’ เกิดมาจาก ดีไซน์เนอร์ระดับ เทพ ซึ่งก้ คือ ปู่ Karl Lagerfeld ที่ทำให้ Chanel ดังมาก (creative Director มือ 1ของ Chanel และของโลก ตอนนี้)



4. กูรู แฟชั้นระัดับโลกต่างชื่นชมการ design ของ FENDI for Men


นี่คือ 1 ใน คำสรรเสริญของ 1 ใน ผู้สันทัดในแฟชั่นผู้ชายระดับโลก ที่มีต่อ 'ผู้ชายในแบบ FENDI'

กะเป๋าผู้ชายของ FENDI จะไม่เยอะ ทรงกะเป๋าจะไม่มีอะไรซับซ้อน / ถ้ามีหนังเป็นส่วนประกอบก็จะมาจากหนังคุณภาพเท่านั้น/ ข้างในจะมีเนื้อที่เยอะอีกทั้งดูแล้วก็จะรู้สึกสบายตา

'They are very laconic on shape, executed in perfect leathers and spacious and comfortable inside'


อีก 1 คำสรรเสริญ...

กะเป๋าผู้ชายของ FENDI จัดว่าเป็นกะเป๋าที่พอดีมากที่สุด ไม่มีจุดไหนที่จะต้องนำออก และไม่มีจุดในที่ต้องมีรายละเอียดเพิ่ม

'There is nothing excessive to remove or no details to add'




5. เพื่อนๆไม่มีทางหา FENDI for Men ได้ง่ายๆในโลกนี้ FENDI ไม่ขายผ่านเวปตัวเองด้วย...
และที่สำคัญเป็นFENDI for Menทีเอ้ดดี้หามาที่ราคาเท่ากับ Gucci และ Prada แบบนี้ด้วย...



ถือกะเป่า FENDI หายาก และราคาแสนถูกใบนี้ ไปกระทบไหล่คนถือชาแนล แล้วบอกว่า ถ้า FENDI ไม่เลือกคารล์ ชาแนลก็ไม่มีวันเล็งเห็นศักยภาพคุณ แล้วเลือกคุณมาเป็น ครีเอทีฟ ไดเรคเตอร์ จนทำให้คุณดังมากขนาดนีหร้อก จำไว้นะ ว่า เรา FENDI เป็น คนเล็งเห็นคุณ ก่อน Chanel! เพาะชะนั้น...อย่าได้ลืมเชียวว่าคุณมาจากใคร?? ถ้ามิใช่ FENDI จงจำไม่เคยลืมเลือน และจงเตือนตัวเองเอาไว้ ประมาณว่า ไม่มี FENDI เธอ Chanel ไม่มีวันเกิดหรอก


เรียกได้ว่า : ''ถ้า FENDI ไม่เลือก Karl Lagerfeld , Chanel ก็ไม่มีวันเล็งเห็นศักยภาพคุณ แล้วเลือกคุณมาเป็น ครีเอทีฟ ไดเรคเตอร์ จนทำให้คุณดังมากขนาดนีหร้อก''


จำไว้นะ ว่า เรา FENDI เป็น คนเล็งเห็นคุณก่อน Chanel! และคนทั้งโลกก้จะไม่มีวันได้ถือ กะเป๋า Chanel ที่ดังมากๆในเวลานี้ได้เลยยย




และโปรดระลึกไว้ว่า :

'A Fendi bag is designed and manufactured by hand. No Fendi bag is a production-line item. Straps are made of leather. The stitching on the bag is even and straight'

นี่ copy word ทุกคำมาจากแหล่งความรู้เลยนะ ไม่ได้แต่งเอง!









รีบจับจองเป็นของ ตัวเองซะนะ โทรมา รับ ตลอด
อีเมล์ มา ที่ eddy_sbn@yahoo.com หรือ
PM
เบอโท เรา 08-4457-3846

(ชอบจริงมาคุยกัน ผ่อนได้ทุกอย่าง ไม่มีเงื่อนไข เอ้ดดี้ให้โอกาสทุกคนที่อยากใช้ของแบรนด์เนม)
ปล. ราคา รวม ค่า กล่อง, ส่งด่วน EMS และ ลง ทะเบียน แบบ แพงสุดเลย
ซึ่งร่วมๆ หลัก ร้อย แล้ว นะจ๊ะ
มี Tracking no. บอกทุกสถานะ เช๊คใน เนทได้เลย ว่า ของ อยู่ตรงไหนอย่างไร
ไม่เคย save cost ตงนี้ เพราะ ไม่อยากมี ปันหา เรื่อง ส่ง ภายหลัง น่ะ

[Eddy]

รูปถ่ายยืนยัน พ่อมด Karl Lagerfeld แห่ง Chanel ผู้ซึง่ FENDI ปลุกปันมากับมือ