valentino
สัมภาษณ์ มอริส เค "กำลังจากพระเจ้า"
by
, 20-09-10 at 23:23 (2326 Views)
[COLOR=#1F1000][B] สัมภาษณ์ มอริส เค "กำลังจากพระเจ้า"[/B]
คนที่ให้กำลังใจผมมาตลอด และเป็นหลักให้ผมยึดมาตลอดชีวิตของผม นั่นก็คือพระเจ้า ท่านเป็นมากกว่าพ่อแม่ผม เป็นเพื่อน เป็นพี่ บางทีเนี้ยเป็นถึงขนาดว่าเป็นคนสนิทผมมากๆ เลย ที่ผมสามารถบอกว่า ผมไม่ไหวแล้วครับ อะไรอย่างเนี้ย....
ที่มาของข้อมูล : รายการจากใจถึงใจ ปี2002
---------------------
วันนี้ในซอยเล็กๆ แห่งหนึ่งบนถนนนิมมานเหมินท์ จ.เชียงใหม่ ซึ่งเคยเงียบสงบ กลับครึกครื้นไปด้วยเสียงหัวเราะที่คุ้นเคยของคุณมอริส เค วันนี้คุณมอริสมีนัดพิเศษกับช่วงเปิดใจคุยกันที่กองดีสตูดิโอ คุณออม สุชีวา อินสุวรรณ รับอาสามาพูดคุยเปิดใจกับคุณมอริสว่า “ กว่าจะเป็นเสียงหัวเราะของมอริส เค” นั้น ชีวิตของเค้าผ่านอะไรมาบ้าง
คุณมอริส เค ผู้ชายร่ำรวยเสียงหัวเราะที่ทำให้คนอื่นรอบข้างหัวเราะได้อยู่เสมอ จะว่าไปแล้วตำแหน่ง ” สุดหล่อของวงการบันเทิงไทย” ก็ไม่พ้นเขาไปอีกเช่นกัน เพราะความคมเข้มของมอริส เค นั้นเข้าตากรรมการในเวทีประกวดหนุ่มโดมอนแมนปี 1988 มาแล้ว ไปฟังกันค่ะ ว่าคุณมอริสยังจำความรู้สึกในครั้งนั้นได้หรือเปล่า
“ (มอริสทำตาโต สีหน้าภาคภูมิใจ) รู้สึกอย่างไรในตอนนั้นที่ได้ตำแหน่งเนี้ย ก็รู้สึกดีใจ แปลกใจ ระคนกันนะครับ ดีใจว่าเราได้มีโอกาสมาแสดงความสามารถของเราในการเดินแบบให้คนอื่นได้เห็น ออกทีวี (มอริสเริ่มออกท่าทางตื่นเต้น) โอ้โห! นานๆ ได้ออกทีวี คนอื่นเค้าจ่ายเงินเป็นล้านนะครับถึงได้ออกทีวี (ออกท่าตื่นเต้นมากขึ้น) แต่เราได้มีโอกาส ”
หลังจากนั้นก็ได้เข้าสู่วงการบังเทิง
“ พูดง่ายๆ คือ เข้าวงการมาพอเริ่มจากโดมอนมา ก็มาเป็นรายการแบบว่าโลกเบี้ยวที่ทำอยู่ จนตอนนี้ก็มีรายการที่ทำอยู่กับคนที่หล่อน้อยที่สุดฮะ (ยิ้ม) ผมภูมิใจมากเลยนะ...คุณวิลลี่ แมคอินทอช...ความรู้สึกผมด้อยครับ คือเค้าทำให้ผมรู้สึกด้อยลงไปมากเลยฮะ (ทำท่าเดือดร้อน จากนั้นเปลี่ยนมาเก็กเสียงหล่อ) ด้อยแค่ร่างกาย แต่จิตใจผมไม่ด้อยนะครับคุณผู้ชมครับ “ (ยิ้มแฉ่ง)
เมื่อพูดถึงคุณมอริส เคแล้ว แทบจะทุกคนจะต้องนึกถึงภาพของผู้ชายอารมณ์ดี ร่ำรวยอารมณ์ขัน เต็มไปด้วยความสนุกสนาน นำความสุขมาให้คุณผู้ชมได้เสมอ แต่กว่าที่เค้าจะกลายมาเป็นคนที่อารมณ์ดีมีความสุขได้ขนาดนี้ วัยเด็กของเค้าต้องผ่านอะไรมากมายเกินกว่าที่เด็กคนหนึ่งจะรับมือไหว
“ เริ่มจากตอนผมเป็นเด็กนี่นะครับ ผมก็จะเกิดมาโดยที่มีคุณพ่อเป็นชาวต่างชาตินะครับ (พ่อของมอริสเป็นทหารอเมริกันที่เข้ามาในประเทศไทยในช่วงสงครามเวียดนาม) แล้วก็คุณแม่ไม่สามารถเลี้ยงดูได้ แล้วคุณพ่อนี่ก็คือ พอท่านผลิตทายาทไว้เรียบร้อยแล้วท่านก็กลับไปประเทศของท่านนะฮะ คุณแม่ก็รับหน้าที่เป็นผู้ดูแลต่อ
แล้วก็คุณแม่นี่...จะเรียกว่าท่านแม่ ผมก็เกรงใจ (หัวเราะที่ตัวเองเกือบจะพูดผิด)... คือว่าคุณแม่ก็มีลูกหลายคนนะครับ ก็เลยรู้สึกว่าจะเลี้ยงลูกไม่ได้ ท่านก็เลยอยากจะให้ผมเนี้ยไปอยู่ที่อื่น (หน้าจริงจังขึ้น) ประจวบเหมาะกับท่านเนี้ยได้ไปเจอคนๆ นึง ซึ่งเจอกันในสถานที่แห่งหนึ่ง คือที่มูลนิธิ Pearl S. Buck ซึ่งเป็นมูลนิธิที่ช่วยเหลือเด็กลูกครึ่งอเมริกัน-ไทยในประเทศไทยนะครับ ที่พ่อแม่เด็กมีปัญหาหรือเด็กมีปัญหาก็จะมา...เป็น center นะฮะอยู่ที่นี่นะฮะ
ก็มาถึงที่นั่นปุ๊บ แล้วก็เจอท่านผู้นี้นะครับซึ่งผมเรียกท่านว่าพ่อนะครับ เค้าก็บอกว่า เห็นว่าแม่ผมมีปัญหา แล้วเพราะผมในสมัยนั้น..น่ารักมาก (มอริสออกท่าทางอีกครั้ง) ท่านก็เลยบอกว่าอยากเอาผมไปเลี้ยง ก็เลยเอาไปเลี้ยงอยู่ที่บ้านท่าน อยู่ที่บ้านท่านมาระยะเวลานึง ก็...อายุสักประมาณ 15 ก็เริ่มที่จะออกจากบ้านท่านครับ ”
ตั้งแต่วัยเด็กถึงวัยรุ่น คุณมอริสต้องอยู่ลำพังตัวคนเดียว ไม่เคยได้รับความรักที่อบอุ่นเต็มที่จากพ่อและแม่แท้ๆ ของเขา
“ เหงาครับ แล้วก็รู้สึกขาดความอบอุ่น ต้องการความรักเป็นอย่างมาก ก็คือจะรู้สึกว่าอยากจะมีสิ่งเหล่านี้ในความรู้สึกที่เป็นวัยรุ่นในตอนนั้น น่ะครับ“
ยิ่งไปกว่านั้นการเป็นเด็กผิวดำยังส่งผลให้คุณมอริสถูกล้อเลียนจากเพื่อนๆ อยู่เสมอ
“ ไอ้เรื่องโดนล้อนี่สมัยเด็กโดนล้ออยู่แล้ว โดนล้อ โดนแหย่ โดนว่า โดนติ – ฉิน - นินทา (มอริสเน้นคำทำตลกเหมือนกำลังเล่าเรื่องสนุกๆ สักเรื่องหนึ่ง) โดนล้อแบบล้อตัวเรายังไม่เท่าไหร่ แต่นี่เล่นเอาบุพการีมาล้อด้วย เมื่อก่อนเค้ามีข้าวนอกนาใช่ไหมฮะที่เค้าดังๆ ผมนี่ ‘ ข้าวนอกนา’ ตอนแรกก็เจ็บปวด โกรธเพื่อนๆ ล้อ อู้...เหมือนโดนน้ำกรดสาด (มอริสทำท่าเจ็บแสบเหมือนโดนน้ำกรดสาดจริงๆ) โอ๊ยๆ ปวดๆ ตอนหลังๆ เริ่มชิน เพื่อนบอกว่ามันชินแล้ว เฮ้ยๆ เปลี่ยนๆ ‘ ไอ้บุหรี่นอกซอง‘ (ทำตาโตใส่ผู้ชม) โอ๊ะ! คิดได้ยังไงเนี้ย ( หัวเราะเสียงยาว)”
แน่นอนว่าคนธรรมดาๆ คนหนึ่งที่โหยหาความรัก ความอบอุ่นจากครอบครัวมาตั้งแต่ยังเล็ก แล้วยังต้องเจอกับการล้อเลียนจากเพื่อนๆ อยู่ตลอดเวลา ก็ย่อมมีจังหวะที่อ่อนแอบ้าง คุณมอริสทำอย่างไรเมื่อรู้สึกท้อถอยอย่างนั้น
“ บางทีก็ต้องให้กำลังใจกับตัวเอง บางทีใครให้กำลังใจกับเรา เราก็ไม่ฟังหรอก นอกจากเราต้องให้กำ ลังใจกับตัวเอง”
ยิ่งมีปัญหามาก ก็ยิ่งให้กำลังใจกับตัวเองมาก ยิ่งมีปัญหามากก็ทำให้คุณมอริสแข็งแกร่งขึ้น และสามารถเผชิญอยู่ในโลกนี้ได้ แต่นอกจากกำลังใจจากตัวเองที่ให้กับตัวเองแล้ว คุณมอริสยังมีพี่ๆ ที่มูลนิธิ Pearl S. Buck ที่คอยเป็นกำลังใจให้อยู่เสมอ
“ พี่ๆ เหล่านั้นเนี้ยจะให้กำลังใจผมเสมอ เค้าเปรียบเสมือนครอบครัวของผม แต่นอกเหนือจากนี้ก็คือ คนที่ให้กำลังใจผมมาตลอด และเป็นหลักให้ผมยึดมาตลอดชีวิตของผม นั่นก็คือพระเจ้า ท่านเป็นมากกว่าพ่อแม่ผม เป็นเพื่อน เป็นพี่ บางทีเนี้ยเป็นถึงขนาดว่าเป็นคนสนิทผมมากๆ เลย ที่ผมสามารถบอกว่า ผมไม่ไหวแล้วครับ อะไรอย่างเนี้ย ท่านเป็นทุกอย่างให้ผมได้ และผมรู้สึกว่า ถ้าขาดท่าน คงจะเป็นมอริสซึ่งตอนนี้กำลังติดยาบ้าอยู่ กำลัง (ทำท่าเฉือดคอตัวเอง) หื่นกระหายอยู่ คงจะเป็นอย่างนั้นนะครับ ”
นั่นก็เรียกเสียงฮาทั้งจากพิธีกรที่กำลังสัมภาษณ์ อีกทั้งช่างภาพ และใครต่อใครที่กำลังนั่งฟังเขาอย่างตั้งอกตั้งใจอยู่ และต่างเห็นว่า เสียงหัวเราะจากใจของเขาในวันนี้ เป็นเพราะว่า กำลังใจที่ดีแท้ๆ เชียว ทั้งจากพระเจ้า และผู้คนที่เขารัก และรักเขามาโดยตลอด
ที่มาของข้อมูล : รายการจากใจถึงใจ ปี2002
website: [URL]http://202.5.89.121/fhth/hearttalk/2002_MorrisK.htm[/URL]
[/COLOR]