valentino
อุบัติเหตูที่ ทีลอซู ...พระเจ้าทรงปกป้องดูแล
by
, 20-09-10 at 23:26 (2096 Views)
[B] [URL]http://www.weareimpact.com/content/%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%95%E0%B8%B9%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88-%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%8B%E0%B8%B9-%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%81%E0%B8%9B%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%94%E0%B8%B9%E0%B9%81%E0%B8%A5[/URL][/B]
[B] [/B]
[B] [/B]
[B] อุบัติเหตูที่ ทีลอซู ...พระเจ้าทรงปกป้องดูแล[/B]
Movie Clip เรื่องราวอันน่าตื่นเต้น ที่เกิดขึ้นระหว่างการเดินทาง ไปน้ำตกทีลอซู รถพุ่งลงด้วยความเร็ว 100กม./ชม. เหวอยู่ข้างหน้า รถเบรคไม่อยู่ เกียร์หลุด โค้งหักศอก ทุกอย่างอันตราย และเกิดเพียงเสี้ยววินาที เรื่องราวอันน่าตื่นเต้น ที่เกิดขึ้นระหว่างการเดินทาง ไปน้ำตกทีลอซู สำหรับพวกเราเหตุการณ์นี้เป็น เหตูการณ์ที่นำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงในหลายสิ่งหลายอย่างในชีวิต การที่ตระหนักถึงความหมายของชีวิต โอกาสที่จะได้ทำสิ่งต่างๆเพื่อพระเจ้ากำลังจะหมดไป อย่างนั้นหรือ
แต่เมื่อรอดจากเหตุการ์นี้มาได้ จึงได้เรียนรู้ที่จะใช้เวลาที่เหลืออยู่บนโลกนี้ ทั้งหมดเพื่อพระเจ้า
[COLOR=red]ยากอบ 4:13-15 นี่แน่ะท่านที่พูดว่าวันนี้หรือพรุ่งนี้เราจะเข้าไปในเมืองนี้เมืองนั้นและ จะอยู่ที่นั่นปีหนึ่งและจะค้าขายได้กำไร แต่ว่าท่านไม่รู้เรื่องของพรุ่งนี้ชีวิตของท่านเป็นเช่นใดเล่าท่านก็เป็น เช่นหมอกที่ปรากฏอยู่เพียงชั่วครู่แล้วก็หายไป แทนที่จะพูดเช่นนั้นท่านทั้งหลายควรจะพูดว่าถ้าองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงโปรด เราจะมีชีวิตอยู่และจะกระทำสิ่งนี้หรือสิ่งนั้น
[/COLOR]
เมื่อเผชิญหน้าและเข้าใกล้ความตาย เราถึงได้เข้าใจพระคัมภีร์ในตอนนี้มากขึ้น
- ปีใหม่เป็นช่วงเวลาพิเศษ ที่หลายคนเดินทาง และพวกเรา4คนก็ได้ใช้โอกาสนี้ สำหรับการเดินทางที่เป้าหมายของเรา คือ สถาบันพระคริสตธรรมเชียงราย เพื่อเยี่ยมศาสนาจารย์ บุญยืน ซึ่งเป็นพ่อของพี่แปม เป้าหมายคือเชียงราย
- เราออกเดินทางแบบสบายๆ ช่วงห้าทุ่ม ของวันที่30 ธันวาคม
- และ6โมงเช้าวันที่31 พวกเราก็ถึงจังหวัดตาก อีกไม่กี่กิโลเราจะถึงเชียงใหม่อยู่แล้ว
- แต่เราก็ต้องมาหยุดชะงัก ด้วยป้ายบนถนนขนาดใหญ่ที่ เขียนบอกว่า น้ำตกทีลอซู เลี้ยวซ้าย
- ไม่ต้องคิดมากเลย พวกเราทั้ง4คนสนใจทันที ที่เห็น เพราะไม่มีใครเคยได้เข้าไปชม น้ำตกที่สวยที่ในประเทศไทยนี้เลย นี้เรามาหยุดอยู่ที่ทางแยกแล้ว ทำไม่เราไม่่ลองแวะไปเยี่ยมชมหน่อยล่ะ แล้วค่อยเดินทางต่อไง
- เช้าวันนั้นพวกเรายังเอาฟุตบอลลงมาเตะเล่นกันอยู่เลย โดยไม่คิดอะไรมากไม่มีอะไรให้กังวล แค่แวะดูแล้วเราจะไป countdown ปีใหม่กันที่เชียงราย
- ไกลกว่าที่คิด เราเดินทางผ่านอำเภอแม่สอดมาแล้วแต่เราก็ไม่ได้เติมน้ำมัน ด้วยคิดว่าเข้ามาไม่ไกล พอเริ่มคิดได้ว่าไกลก้มาไกลมากเกินกว่าที่จะเลี้ยวกลับกันแล้ว
- น้ำมันเราหมดกลางทางกลางป่า
- จุดที่เราน้ำมันหมด ห่างจากอุ้มพางประมาณ 20 กิโล และห่างจากหมู่บ้านที่ใกล้ที่สุด 20 กิโลเช่นกัน ตอนนั้เป็นเวลา9โมงเช้า
- เส้นทางที่เราไม่คาดคิด เส้นทางเต็มไปด้วยทางโค้งอันตราย ประมาณ 1200 โค้งได้(มารู้ทีหลัง)
- โบกรถไปซื้อน้ำมัน มาเติม
- และอุบัติเหตุครั้งต่อมาก็เกิดขึ้นอีกกลางทาง
- รถเบรคไม่อยู่ เกียร์หลุด เบรคมือก็เอาไม่อยู่ ขณะที่รถของเรากำลังพุงลงเขาด้วยความเร็วสูง ประมาณ 100 กิโลต่อชั่งโมง
- ข้างหน้าเป็นโค้งหักศอก และเหวก็อยู่ข้างหน้าเรา
- ผมยังจำภาพเหตุการณ์วันนั้นได้แม่นยำ ว่าเราเห็นเข็มไมล์เพิ่มความเร็วขึ้นเรื่อยๆ และระยะทางงที่อยู่ตรงหน้า ก็ไม่ไกลนักจากเหวที่เรมองเห็น มันเหมือนเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ที่ยาวนานมาก มีความคิดมากมายไหลเข้ามาในหัวพวกเรา เราหาทางแก้ปัญหาทุกอย่างที่นึกออก ดึงเบรคมือ... เสียงพวกเราคนหนึ่งตะโกนขึ้น ไม่สำเร็จ ลองเหยียบเบรคซ้ำๆ ไม่ดีขึ้น รถยังพุ่งเร็วขึ้นไปเรื่อยๆ ที่สายตามผมเหลือบมองเห็น เข็มไมล์ กำลังพุ่งผ่านหลักร้อยขึ้นแล้ว บวกกับความเร็วที่รถพุงลงเขาด้วยแล้ว
- ความคิดต่างๆ ก็แล่นเข้ามาในหัวมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานศพ ข่าวที่จะลงหน้าหนังือพิมพ์ อย่างไร ศพเราจะมีีใครมาพบมั๊ย เมื่อไหร่ หรือเราจะลอง พุ่งรถชนหน้าผาหิน ที่อยู่ข้างถนนเสี่ยงชีวิตดู เพื่อจะชะลอความเร็วได้ ด้านหนึ่งเป็นป่า เหว และอีกด้านเป็นภูเขา หากเราชลอรถด้วยการกระแทกเราอาจรอด แต่ด้วยความเร็วขนาดนี้เราก็ยังไม่กล้าเสี่ยง อาจจะพลิกคว่ำได้ง่ายๆ
- เป็นความรู้สึกที่บ่อยนักที่จะเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ ขึ้นในชีวิต คือใกล้ความตาย ไม่น่าเชื่อว่าความคิด และสมองของเราจะทำงานได้อย่างเหลือเชื่อ เราเหมือนมีเวลาแก้ปัญหานานามาก และมีเวลาคิด สารพัดเรื่องแต่ก็ไม่อาจช่วยอะไรให้เหตุการณ์ดีขึ้นมาได้
- ยังจำไดว่า ไม่มีใครในรถที่จะควบคุมสติไม่ได้ แต่สติที่เรามีก็ไม่ช่วยอะไรให้ดีขึ้น แต่ก่อนที่จะถึึงทางโค้งหักศอก เราเพวนาไม่ให้มีรถสวนมา ไม่งั้นยุ่งแน่ รถเกิดกระตุก และอยู่ในภาวะเหมือนเข้าเกียร์หนึ่งได้สำเร็จ (ต้องขขอบคุณพระเจ้าที่รถไม่พลิกคว่ำ ) รถเริ่มชลอตัว และเราก็ควบคุมรถได้พอสมควร เราเลี่้ยวโค้งนั้นไปด้วยแรงเฉื่อย ของการพุ่งลงเขา โค้งหักศอกนี้เป็นโค้งที่หักขึ้นเขา ทำให้รถช้าลงไปได้เรื่อยๆ ในขณะที่สภาพถนน ถ้าใครเคยไปแม่ฮ่องสอน หรือ เบตง คงนึกภาพออกว่า เมื่อผ่านโค้งหนึ่งจะเจออีกโค้งทันที แล้วก็จะพบอีกโค้งทันที เป็นอย่างนี้มาเรื่อยตลอดทางที่เราเลี้ยวเข้ามาทีีลอซู
- แต่ขอบคุณพระเจ้าที่โค้งหักศกอ กับเหวนั้น เป็นโค้งสุดท้ายก่อนเข้าหมู่บ้านที่เราพึ่งจะไปซึ้อน้ำมันมา รถวิ่งด้วยแรงเฉื่อย คือไหลไปเองตามแรงเพราะตอนนี้เราควบคุมรถไม่ได้อีกเช่นเดิม แต่เหลือเชื่อที่รถมาหยุดจอดอยู่หน้าปั๊มที่มีแห่งเดียวของหมู่บ้านนั้น ซึ่งมีช่างอยู่พอดี หยุดและจอดที่หน้าปั๊มพอดี แบบว่าลงตัวอย่างน่าสงสัยทีเดียว
- เราตรวจรถกันที่นั้น สิ่งที่พบก็คือ เกียร์ที่หลุด แบบควบคุมไม่ได้แล้ว เราจึงเอาลวดมาพันมันไว้กับตัวเครื่องเพื่อให้ใช้ได้ชั่วคราวเป็นอย่างน้อย และจะได้ไปให้ถึงอู่ที่จะซ่อมให้เราได้ ก็ต้องเดินทางต่อ เพื่อเข้าสู่อ.อุ้มพาง ทางหลังจากนี้ไม่มีเขาไม่มีโค้งอีกแล้ว ขอบคุณพระเจ้าที่พาเราเดินทางต่ออย่างไม่่ต้องเสี่ยงเพิ่ม
- หลังจากนั้นเมื่อเราเอารถเข้าอู่เรียบร้อย เราก็เดินทางเข้าน้ำตกกันด้วยพระคุณของพระเจ้้าอีกตลอดทาง ไม่ว่าจะเป็นการโบกรถ อาหารการกินที่เราไม่มี ก็ได้รับการอวยพรจากพระเจ้าด้วยอาหารมื้อค่ำที่แสนอร่อย อากาศที่หนาวมากๆ เราต้องนอนเต็นท์ และไม่มีผ้าห่มกันเลย เงินในกระเป๋าแทบจะไม่มีประโยชน์อะไรเลยวันนั้น ท่ามกลางความลำบาก เราอาศัยความช่วยเหลือจากนักท่องเที่ยวหลายกลุ่ม ในค่ำวันสุดท้ายของปี 2003
-แต่ความกังวลใจของเรายังไม่จบ เมื่อ รถที่เราซ่อมแล้วแต่ก็ยังรับประกันไมได้ว่าจะปลอดภัย เรายังต้องเดินทาง กลับออกมาในเส้นทางเดิม นั้นหมายถึงอีก 1,200 โค้ง และความปลอดภัยที่เราต้องฝากไว้กับพระเจ้าด้วย เราอธิฐานและนมัสการกันตลอดทาง เพื่อให้มั่นใจว่าพระเจ้าอยู่ด้วย แล้วรถก็ไปเสียอีกทีที่เชียงใหม่
- มีเวลใคร่ครวญสิ่งที่เกิดขึ้นมากมายที่เชียงใหม่ เพราะเราต้องรอซ่อมรถอีก1วัน มันเป็นการเริ่มต้นปีที่ที่พิเศษมาก พระองค์ทำให้เราได้คิด ถึงความพร้อม ถ้าเราต้องตายไปวันนี้ ยังมีอะไรที่เราจะเสียใจที่ยังไม่ได้ทำ แล้วเราทำอะไรไปแล้วบ้าง ทุกคนจะพูดถึงเราอย่างไร
- [COLOR=red]ฮบ.13:5 ..พระองค์ได้ตรัสว่า เราจะไม่ละท่านหรือทอดทิ้งท่านเลย[/COLOR]
- ผมไม่เคยกลัวว่าจะทำสิ่งใดไม่ได้ แต่จะเสียใจมากกว่า ที่ไม่ได้ทำ
- อยากหนุนใจให้พี่น้องลุกขึ้นมาทำบางสิ่งที่เป็นนิมิตของเราก่อนที่เราจะไม่ มีีโอกาสได้ทำนะครับ พระเจ้าอยู่ข้างเราเสมอ พระองค์จะไม่ปล่อยให้ท่านล้มเหลว