ขอบคุณ พ่อกับแม่ ที่ให้โอกาสผมได้เกิด
ชีวิตมีความหมายด้วยหรือ ? ชีวิตที่เดินทางด้วยความไม่รู้ … ไม่รู้ แม้กระทั่ง ความหมายของชีวิต
by
, 10-03-10 at 00:29 (2531 Views)
ชีวิตผมน่ะเหรอ เริ่มต้นที่ผมเกิด ก็อย่างที่ได้บอกไปแล้วตอนต้น
ตั้งแต่ Blog นี้ อ่านก่อนที่ความผิดพลาดจะเกิดขึ้น เพราะมันจะทำลายทั้งชีวิตที่เหลือ
ชีวิตผมที่ผ่านไปในแต่ละวัน ผมไม่เคยรู้หรอกว่า ชีวิตสำคัญที่ไหน หรือ
ไม่แม้แต่พยายามตั้งคำถามกับตัวเอง ไม่เคยตามหาว่า อะไรคือความหมายของชีวิต หรือ
คุณค่าของชีวิตตนคืออะไร ก็ที่ผ่านมาไม่เคยตั้งคำถามนี่ แล้วจะตอบคำถามอันไหนล่ะ
ผมเติบโตมาด้วยความไม่รู้ ไม่รู้แม้กระทั่งชีวิตตนจะเดินไปไหนดี ปลายทางอยู่ที่ไหน
พอมีคนถามว่า โตขึ้นจะเป็นอะไร ผมตอบได้เหมือนๆกับที่คนอื่นเขาตอบกัน
โดยที่ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่า อยากเป็นจริงเหรอ แต่เพราะเคยได้ยินเขาตอบกัน ก็เลยตอบตาม
“โตขึ้น ผมอยากเป็นหมอครับ ทนายครับ ทหารครับ อยากเรียนเก่งๆครับ”
จากที่ผมอยู่โรงเรียนนอกเมือง มีโอกาสเข้ามาเรียนในตัวเมือง ได้อยู่โรงเรียนประถมประจำจังหวัด
ทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองเก่ง สอบเข้า ม.1 คาดหวังว่า จะเข้าห้องหนึ่งซึ่งเป็นห้องเด็กเรียนเก่ง ให้ได้
แต่ผมสอบไม่ติด ตอนที่ดูรายชื่อคนที่สอบติดห้องหนึ่ง เห็นคนอื่นที่มาจากโรงเรียนที่ผมไม่รู้จักชื่อ
อ่านชื่อแล้วไม่รู้สึกว่า จะเรียนเก่งดันสอบติดห้องหนึ่ง แล้วหันไปพูดกับเพื่อน
ติดได้ยังไง แหนะ เห็นไหม สอบไม่ติดเองแล้วยังดูถูกคนอื่นเขาอีก
เท่านี้เหรอ ชีวิตผม ตีคุณค่าของคน เพียงแค่ ผมเองไม่รู้จัก ตัดสินให้เขามีค่าเป็น ศูนย์ ซะแล้ว
ในขณะที่ได้เรียนมัธยม ผมก็ยังไม่รู้ว่า ชีวิตผมจะเดินไปไหนดี และไม่เคยตั้งคำถามกับชีวิตเลย
ตอนนี้พอมีใครถาม เรียนหนังสือไปทำไม ผมก็ตอบได้แค่ เรียนไปเพื่อสอบ เอาความรู้ไปทำงาน
คำตอบที่ใครๆ เขาก็ตอบกัน ผมยังไม่รู้แน่ชัดด้วยซ้ำ เรียนไปทำไม แต่ผมก็เรียน
ตอนจะสอบเข้ามหาลัย ก็ต้องเลือกแล้วซิ จะเรียนคณะอะไรดี
ผมไม่รู้จริงๆว่า ชีวิตจะไปไหน ผมถามคำถามเกี่ยวกับคณะง่ายๆ “มีคณะอะไรบ้างไม่เรียนชีววิทยา”
เพราะผมไม่ชอบเรียนวิชานี้ แต่ผมชอบคำนวณ ชีวิต ตัดสินใจเลือกด้วยคำถามแค่นี้น่ะเหรอ
เพื่อนก็เลยบอกว่า วิศวะ คณะนี้ไม่เรียนชีวะ
แม่ผมบอกว่า เรียนที่ไหน คณะอะไรก็ได้ ผมก็เลยตั้งใจว่าจะสอบเข้าคณะที่ว่า
ไม่รู้หรอกว่า วิศวะ คืออะไร จบไปทำอะไรได้บ้าง และฟังคนอื่นเขามาว่า วิศวะ เงินเดือนดี โก้ เท่ห์
เด็กเรียนเก่ง ไม่สายหมอ ก็ วิศวะ ถ้าสอบติดคณะนี้ เราจะได้เป็นเด็กเรียนเก่ง ในสายตาของคนอื่น
เท่านี้น่ะเหรอ ชีวิต ตัดสินใจเลือกเพราะไม่มีวิชาที่ตนไม่อยากเรียน
ลองทายซิครับ ผมสอบติดไหม ?
ชีวิตในมหาลัยของผม เป็นที่แน่นอนครับ ผมก็ยังตามหาความหมายของชีวิตโดยไม่รู้ตัว
และในมหาลัยก็ไม่ได้สอนให้ผมได้รู้ ผมจึงยังคงไม่รู้ว่า ชีวิตผมควรต้องเดินไปไหน
เขาสอนวิชาชีพให้คุณ คุณควรเป็นผู้เชี่ยวชาญในวิชาชีพคุณให้ได้ตอนมหาลัย จบไปจะได้หาเลี้ยงชีพตัวเองได้
ตอนที่อยู่ปี 2 ผมเพิ่งตั้งคำถามอนาคตกับตัวเอง เรียนจบแล้ว จะไปทำงานอะไร อนาคตเราจบที่ไหน ?
จบที่ก้นโรงงานชัวร์เลย ชีวิตแบบนั้นไม่เอาหรอก ใช้ชีวิตอยู่แต่ก้นโรงงาน ไม่เอาล่ะ
ไม่อยากหางานทำ แล้วจะทำไงดีล่ะ คำตอบที่ผมได้ตอนนั้น “ไม่รู้”
การเรียนของผม ผมไม่เคยทำให้ตัวเองเชี่ยวชาญในวิชาชีพที่เรียนเลย
ลองทายดูไหมครับ จบไปผมจะทำงานในสายอาชีพที่ผมจบมาไหม
ตอนที่ผมจบ จบมาด้วยความไม่รู้ แล้วผมจะใช้ชีวิตต่อไปยังไง
ไม่เคยอยากหางานทำ แต่ไม่รู้จะต้องทำยังไง จึงจำใจต้องหางานทำ
ก็มองเห็นแค่ทางเลือกเดียวในชีวิต หางานทำประมาณ 7 เดือน จนเพื่อนๆ ได้งานทำกันไปหมดแล้ว
อาจารย์บอกว่า คุณมาเรียนโทไหม เกรดคุณพอเรียนได้ เรามีเงินเดือนให้ด้วยนะ
ผมเลยเก็บไปคิดและเข้าใจไปเองว่า นี่คือ อีกทางเลือกของชีวิต ผมคิดแล้วเห็นประโยชน์ 4 ข้อ
1.เรียนแล้วมีเงินเดือนให้ใช้ 2.เรียนจบแล้วได้ใบปริญญาโทด้วย
3.วันหยุดราชการเราได้หยุด 4.ไม่ต้องทำงานเหนื่อยตรากตรำ
ผมจึงตัดสินใจเรียนต่อ หลังจากนั้นประมาณ 1 ปี ผมจึงกลับมาถามตัวเองเช่นเดิมเหมือนเมื่อปี 2
จบแล้วจะทำงานตามโรงงานเหรอ จบแล้วต้องหางานทำเท่านั้นน่ะเหรอ
มันก็กลับมาทางเลือกเดิม คือ ... หางานทำ ตกลงว่า นี่เราโดนบังคับเลือกใช่ไหม
ทำไมล่ะ เรียนจบมหาลัยทั้งที มีแค่ทางเลือกเดียวเท่านั้นเหรอ ไม่เอาหรอก ไม่อยากหางานทำ
เรียนตั้งปริญญาโทแล้ว ผมก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่า ชีวิตจะเดินไปไหน งั้นไม่เรียนดีกว่า แล้วจะทำอะไรดี
ผมเลยไม่ไปเรียน และไม่บอกอาจารย์ด้วยว่า ผมไม่เรียนแล้ว ผมหนีออกมาเลย อาจารย์ไม่รู้เลยว่าผมหนีไปแล้ว
ช่วงนั้นผมหันไปติดเกมส์ เล่นเกมส์ตั้งแต่เย็นถึงเช้า นอนเช้า ตื่นเย็น แล้วเล่นเกมส์จนถึงเช้า
ชีวิตมีวงจรอย่างนี้ วงจรของคนติดเกมส์ เป็นอย่างนี้ประมาณปีกว่าๆ
ช่วงนี้ผมรู้สึกเลยว่า ชีวิตผมมันไร้ค่าสิ้นดี วันๆ รู้อยู่ว่าต้องทำงานหารายได้ แต่ไม่หา เล่นแต่เกมส์
คุณลองคิดดูนะ กว่าจะสอบเข้ามหาลัยได้ ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ กว่าจะเรียนจบปริญญาอีก
เรียนปริญญาโท ก็เรียนได้นะ ท้ายสุดติดเกมส์ ชีวิตที่ผ่านมาพัง ชีวิตที่เป็นอยู่ตอนนั้นก็พัง
แม้แต่ชีวิตตัวเองยังไม่คิดจะรับผิดชอบอะไรเลย
ทำไมชีวิตผมมันช่างไร้ค่าจริงๆ ผมด่าตัวเองอย่างนั้น
แต่ก็ยังไม่รู้อีกเช่นเดิมว่า ต้องทำอย่างไรชีวิตจึงจะดีขึ้น
ประมาณปี 44-46 ผมยังโชคดีได้รับโอกาสให้เข้าสอนคณิตศาสตร์ในสถาบันกวดวิชาแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ
เขาเพิ่งเปิดได้ไม่กี่เดือน ผมรับเงินเดือนเริ่มต้น 10,000 บาท มากที่สุดในที่นั่น
ส่วนใหญ่ได้กันที่ 7,000 บาท แต่เทียบกับเพื่อนๆ ที่จบคณะเดียวกันไม่ได้เลย
แต่ผมก็รู้สึกดีที่ได้สอนหนังสือ มีเด็กมายอมรับมากมาย
วันนึงเจ้านายเรียกให้ผมไปพบแล้วถามผมว่า อยากทำหลักสูตรไหม ผมบอกว่า อยากทำ
แล้วถามอีกว่า สนใจเข้าร่วมหุ้นส่วนไหม ผมบอกว่า สนใจ ตอนนี้ทำให้ผมตัดสินใจว่า
ผมจะทำงานที่นี่ยาว อย่างน้อยๆก็ 5 ปี หลังจากนั้นเจ้านายก็เพิ่มเงินเดือนให้ผมเป็น 14,000 บาท
ผ่านไปเดือนกว่าๆ ผมกลับไปถามเจ้านายว่า
ที่เจ้านายบอกว่าจะให้ผมถือหุ้นไม่เห็นทำให้ถูกต้องเลย เจ้านายก็บอกเลื่อนออกไปก่อน[/B]
ผมเริ่มรู้ตัวและตัดสินใจอีกครั้ง จะไม่อยู่ยาวแล้ว ขอทำหลักสูตรให้เสร็จ ผมก็จะไป
แต่ผมก็สงสัยว่า ตอนที่ผมไปขอลาออก เจ้านายไม่หว่านล้อมให้ผมอยู่ต่อด้วยซ้ำ
ทั้งๆที่ถ้าดูกันด้วยวุฒิการศึกษาที่จบมาแล้ว ผมน่าจะมีความรู้ความสามารถดีกว่าคนสอนคนอื่นๆ
เจ้านายน่าจะเหนี่ยวรั้งผมไว้ ผมมาคิดออกทีหลัง
1.เขาได้หลักสูตรที่เป็นผลงานของผมไปเป็นของเขาแล้ว
2.เงินเดือนของผม 1 คน สามารถจ้างคนมาสอนเพิ่มได้ 2 คน
จึงไม่มีเหตุผลอะไรอีกที่จะให้ผมอยู่ต่อ จึงบีบให้ผมต้องลาออก
ไม่รู้ว่าคุณเคยเจอหรือจะมีโอกาสเจอเหตุการณ์แบบนี้เช่นผมหรือเปล่า
ที่ผ่านมา ผมไม่เคยคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้กับตัวเองด้วยซ้ำ
แต่ พอเจอกับตัวเองก็ งง ไปเลย ทำอะไรไม่ถูกเลย
ช่วงนี้เพื่อนผมสมัยมัธยมมาชวนผมออกไปทำการศึกษากัน ทำโรงเรียนสอนพิเศษกัน
ผมจึงรีบทำหลักสูตรให้เสร็จเพื่อจะออกไปดำเนินชีวิตในอีกโลกหนึ่ง โลกที่ผมไม่เคยรู้ว่าเป็นอย่างไร
โลกที่ในมหาลัยที่ผมจบยังไม่เคยสอน โลกของการใช้ชีวิตเพียงเพื่อให้ตนอยู่รอดต่อไป
เขาชวนผมมาทำการศึกษา ผมไม่รู้หรอกว่า การศึกษาที่ควรหน้าตาเป็นยังไง
คิดเอาเองว่า ก็เหมือนกับการสอนพิเศษทั่วๆไป นั่นแหละ แต่ เขาทำการศึกษาจริงๆ
สิ่งที่เขาทำ ไม่ได้มีในตำราเล่มใด แต่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับชีวิตของคนอยู่แล้ว
เขาสร้างความรู้ในการศึกษาขึ้นมาได้จากการศึกษาชีวิตของตัวเองและคนอื่นๆ
เขาเรียนรู้ทั้งหมดจากการใช้ชีวิต ไม่ได้ เรียนจากหนังสือ
เขาได้สอนให้ผมรู้จักการตั้งคำถามชีวิตกับตนเอง นั่นเป็นช่วงแรกของชีวิตผม
ที่ผมเริ่มคิดกับชีวิตตัวเองมากขึ้น เริ่มเห็นเส้นทางชีวิตตนมากขึ้น
ชีวิตนี้จะเดินไปไหน คำถามแรกที่ถูกถาม เป็นคำถามพื้นๆมาก
ผมคิดว่าคุณเองก็คงเคยถามตัวเองมาแล้ว แต่แปลกไหมล่ะ ผมไม่เคยตั้งคำถามชีวิตกับตัวเองเลย
ถึงแม้จะผ่านมาตั้ง 20 กว่าปีแล้ว คำถามนั้นคือ “เกิดมาทำไม” ผมเริ่มค้นหาคำตอบ ...
หากคุณเคยถามคำถามนี้กับตัวเองแล้ว คุณเจอคำตอบที่ชัดเจนต่อชีวิตคุณไหมครับ
สำหรับผม ผมหาไม่เจอ ...
จนในที่สุด เขาก็มาตั้งคำถามกับผมอีกคำถาม “จะใช้ชีวิตให้มีความหมายเช่นไร”
คำถามนี้ทำให้ผมได้คิด ในเมื่อผมหาคำตอบของคำถามแรกไม่เจอ
จะดีกว่าไหมหากลองเปลี่ยนคำถาม ผมก็เริ่มค้นหาว่า ความหมายของชีวิตผมเองคืออะไร
ที่ผ่านมา ผมไม่เคยรู้เลยว่า ชีวิตมีความหมายด้วยเหรอหน้าตาเป็นยังไงนะ
จนวันนึงผมได้รู้ว่า ชีวิตที่ผมตามหา สิ่งที่ผมตามหามาตลอดชีวิตที่ผ่านมา คือ พ่อ
พ่อผมตายไปตั้งแต่ผมประมาณ 2-3 ขวบ ผมจำอะไรไม่ได้เลย มีรูปที่พ่ออุ้มผมเพียงใบเดียว
ผมโหยหาพ่อมาตลอด ผมยอมรับว่าพ่อไม่อยู่แล้วไม่ได้ ทั้งๆที่ผมรู้ว่าพ่อตายไปแล้ว
และผมคิดได้ว่า พ่อกลับมาไม่ได้ แต่ใจมันยอมรับไม่ได้ว่าพ่อไม่อยู่ กลับมาหาเราไม่ได้
ทุกๆปี ผมจะไปวัดเพื่อไหว้พ่อ (ที่เขาเก็บอัฐิเอาไว้) แต่มีอยู่ปีนึงผมไปหาพ่อเช่นเดิม แต่ไปแล้วไม่เจอ
ไม่รู้ว่าพ่อหายไปไหน ผมตามหาพ่อตั้งแต่ตอนนั้น ไม่รู้ว่าพ่อไปอยู่ที่ไหน แม้แต่อัฐิพ่อ ผมก็กลับไปไหว้ไม่ได้
มารู้จากแม่ว่า พี่น้องพ่อเขาย้ายพ่อไปอยู่ที่อื่น แต่ตอนนั้นผมกับแม่ไม่ได้อยู่ที่นั่นแล้ว
ตอนที่ผมรู้ตัวว่า สิ่งที่ผมตามหามาตลอดคือ พ่อ ผมร้องไห้หลังจากที่ผมไม่ได้ร้องหนักๆ มานานนับ 10 ปี
ผมเพิ่งจะยอมรับความจริงเดี๋ยวนั้นเองว่า ผมพาพ่อกลับมาไม่ได้ ที่ผมดึงดันมาตลอด
ทำให้เกิดขึ้นไม่ได้ มีทางเดียวเท่านั้นที่ผมจะเข้าใจความหมายของคำว่า “พ่อ” คือ ผมต้องเป็นพ่อ
ผมจึงได้คำตอบว่า ชีวิตที่มีความหมายของผม คือ การได้เป็นพ่อ
ผมจึงเริ่มชีวิตใหม่ ชีวิตที่ผมจะได้เป็นพ่อ ชีวิตที่ผมจะได้เจอกับความหมายของชีวิต
ชีวิตที่ผมสามารถเลือกเส้นทางเดินได้ เพียงแค่ 2 คำถาม
แต่ต้องใช้ชีวิตตอบ 2 คำถามที่แม้แต่ในโรงเรียนหรือมหาลัยไม่เคยถาม ผมเองไม่เคยรู้ว่าต้องถาม
เอาล่ะครับ มาถึงตรงนี้แล้ว ชีวิตผมเริ่มต้นที่ ผมเกิด และชีวิตที่ตามหาความหมาย ก็คือ การได้เป็นพ่อ
ก่อนจะไปกันต่อ มีคำถามอะไรไหมครับ