ร่วมแสดงความอาลัย ต่อ คุณแอนท์ ผู้ก่อตั้ง Siambrandname.com

[siambrandname]

ข้าพเจ้าได้รู้จัก คุณอัญญาณี ในครั้งแรก ในฐานะคนรักของคุณเอกราช (Ekarach Chandon) และ ผู้ร่วมงาน เมื่อราวๆ ปี 2550 หลังจาก ที่ตัดสินใจ เข้าร่วม ฝึก และ ทำงานในระบบธุรกิจมีหัวใจ ที่คุณเอกราชก่อตั้งขึ้น


ข้าพเจ้าได้มีโอกาส ทำงานร่วมกับคุณอัญญาณี และ คุณเอกราช ในพื้นที่งานระบบชุมชน Siambrandname.com ที่ข้าพเจ้าได้รับโอกาส เข้ามารับช่วงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่อ จาก ชุมชนที่คุณอัญญาณี ได้สร้างไว้สำเร็จแล้ว


ข้าพเจ้าจำได้ว่า ในช่วงที่เริ่มต้นทำงานด้วยกัน ข้าพเจ้าไม่รู้ และ ไม่ยอมรับ ว่า ตัวของข้าพเจ้าเอง ไม่มีความสามารถพอ ที่จะเข้าใจ ความสามารถ ที่คุณอัญญาณี และ คุณเอกราช มี


ข้าพเจ้าจึงไม่รู้ ไม่เข้าใจ และ ไม่ยอมรับ ที่จะทำงานตาม การกำหนด ของ คุณอัญญาณี ที่อยู่บนยุทธศาสตร์ ที่ประเมินไว้ โดยคุณเอกราช


แต่ข้าพเจ้ากลับเลือกทำ เฉพาะสิ่งที่ข้าพเจ้าคิดเอาเอง โดยเพิกเฉย ต่อข้อเท็จจริง ที่ว่า งานที่ทำอยู่นั้น ทำอยู่บน "งานที่คุณอัญญาณี ทำไว้สำเร็จแล้ว โดยมีคุณเอกราช คอยช่วยเหลือ"


ผลก็คือ ข้าพเจ้าไม่ได้ทำสิ่งที่ควรทำ แต่กลับ ไปทำในสิ่งที่ไม่ควรทำ


และ ผลสุดท้าย คือ ข้าพเจ้า ทำให้งาน ของคุณอัญญาณี และ คุณเอกราช ที่ข้าพเจ้าได้รับโอกาส เข้ามารับช่วงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่อนั้น ล้มเหลว พัง ลงในมือของข้าพเจ้า

สิ่งนี้ เป็นสิ่งที่ ข้าพเจ้า ยังรู้สึกผิดต่อ ทั้ง คุณอัญญาณี และ คุณเอกราช มาจนถึงทุกวันนี้ ซึ่ง ข้าพเจ้า ได้สัญญากับตัวเอง และ ในกาลต่อมา ได้สัญญากับ คุณศิริกาญจน์ (Sos Sirikarn) ภรรยาของข้าพเจ้า ซึ่ง เป็นน้องสาวของคุณเอกราช จึงเป็นน้องสามี ของคุณอัญญาณี ที่ รัก และ สนิทสนม กับ คุณอัญญาณี ประหนึ่งพี่น้องแท้ๆ ว่า จะกลับมา ทำงานพื้นที่นี้ ให้สำเร็จ ตามที่ได้สัญญา กับคุณเอกราช และ คุณอัญญาณี ไว้เมื่อตอนได้รับโอกาส


คุณอัญญาณี ได้ก่อตั้ง บริษัท อัมเบรลล่า ทรี จำกัด เมื่อปี พ.ศ. 2555 โดยนำ การกำหนด คุณสมบัติ จากความสามารถด้านการ benchmark สินค้า เมื่อตอนที่คุณอัญญาณี เป็นนักศึกษาปริญญาเอกอยู่ที่ประเทศอังกฤษ มาทำให้เป็นสินค้า

ซึ่ง สินค้าตัวแรก ที่ถูกผลิตขึ้น คือ Umbrella Super Sunblock SPF60 ซึ่ง หลังจากเริ่มวางจำหน่าย ได้กลายเป็นหนึ่งในครีมกันแดด ที่มีคนค้นหามากที่สุด ในอินเตอร์เน็ต สินค้าตัวต่อมา คือ ครีมกันแดดตัว Sunday by Umbrella ซึ่ง ต่อมา ครีมกันแดดตัว Sunday by Umbrella ได้รับการแนะนำ เป็น "อันดับแรก" ในเว็บทรู



ซึ่ง ต่อมา คุณอัญญาณี ได้พบกับ ผู้ผลิตสินค้าเวชสำอางค์ชั้นสูง จากประเทศญี่ปุ่น ที่มีพื้นฐานเทคโนโลยีมาจาก Tissue Engineering ที่สามารถสร้างสินค้า สารอาหารบำรุงผิวในรูปแป้ง COCON ที่ตรงกับสิ่งที่คุณอัญญาณี เคยกำหนดไว้ คุณอัญญาณี จึงได้นำ สินค้า COCON เข้ามาสร้างตลาดในประเทศไทย ซึ่ง เป็นที่ต้องการ และ ชื่นชอบของผู้บริโภค อย่างรวดเร็ว จนผู้ผลิตไม่สามารถผลิตได้ทัน จนเกิดปรากฏการณ์สินค้าขาด ทุกล๊อต ที่นำเข้า



คุณอัญญาณี ยังได้กำหนดสินค้าไว้ อีกหลายตัว แต่ยังไม่พบผู้ผลิต ที่สามารถสร้างสินค้า ได้ตามที่คุณอัญญาณีกำหนด จึงทำให้ ตลอดช่วง การก่อตั้ง และ บริหารบริษัท อัมเบรลล่า ทรี ของคุณอัญญาณี มีสินค้าเพียง 3 ตัว เท่านั้น ที่ถูกนำออกสู่ตลาด ซึ่ง แต่ละตัว ใช้เวลาหลายปี ในการทำให้ได้ ตรงตามการกำหนด ของคุณอัญญาณี

ตลอดระยะเวลา ตั้งแต่การกำหนดครั้งแรก ที่ประเทศอังกฤษ จนถึงเวลานี้ คุณอัญญาณี ไม่เคยเปลี่ยนการกำหนด สินค้าใดเลย แม้แต่ครั้งเดียว แต่สินค้าก็ยังไปต่อ เป็นที่ต้องการ และ ชื่นชอบ ของผู้ซื้อได้


นอกจาก การกำหนด สินค้าเวชสำอางค์แล้ว คุณอัญญาณี ยังได้เป็นที่ปรึกษา สินค้าแฟชั่น แบรนด์ Signature ซึ่ง คุณอัญญาณี ได้กำหนดกรอบในการออกแบบสินค้า เพียงสั้นๆ แก่เจ้าของแบรนด์ โดยที่หนึ่งในกรอบ ที่คุณอัญญาณีกำหนด คือ "ต้องไม่ใช้ผลิตภัณฑ์จากสัตว์" (ตามเจตนารมณ์ ของคุณอัญญาณี ที่ได้ประกาศไว้ ในโพสต์นี้) ซึ่ง เจ้าของแบรนด์ สามารถนำการกำหนดนั้นไปใช้ จนต่อมา แบรนด์ Signature ได้รับเลือก เป็นของที่ระลึกจากประเทศไทย ในเทศกาลหนังเมื่องคานส์ ปี ค.ศ. 2017



ปัจจุบัน สินค้า Signature สี ในภาพด้านบน ได้ยุติการผลิต เนื่องจาก วัตถุดิบ ที่ใช้ทำสีนี้ ไม่มีการผลิตต่อ


แม้ว่าในเวลานี้ คุณอัญญาณี จะจากไปแล้ว แต่สิ่งที่คุณอัญญาณี เคยได้ใช้ความสามารถด้านการ benchmark กำหนดไว้ ผ่านสินค้า นั้นยังคงไปต่อได้ นั่นหมายถึง สิ่งที่คุณอัญญาณี กำหนด โดยใช้ความสามารถด้านการ benchmark นั้น "จริง โดย ไม่ขึ้นกับกาลเวลา"

เจตนาที่แท้จริง ในการก่อตั้ง ชุมชน Siambrandname.com ของคุณอัญญาณี คือ ไม่อยากให้ "คนที่ชอบแบรนด์เนม" โดนหลอก จากมิจฉาชีพ ที่นำของปลอมมาหลอกขาย โดยแอบอ้างว่า เป็นของจริง คุณอัญญาณี จึงได้กำหนดให้มีห้อง Catch Fake เป็นหนึ่งในห้องหลักสำคัญ ของชุมชน Siambrandname.com

แม้ว่า คุณอัญญาณี จะก่อตั้งบริษัท Umbrella Tree ที่เป็นเจ้าของ และ นำเข้าสินค้า ที่คุณอัญญาณี เคยกำหนดไว้ สมัยเป็นนักศึกษาปริญญาเอกอยู่ที่อังกฤษ และ เป็นที่ปรึกษาแบรนด์แฟชั่น ซึ่ง เป็นสินค้าที่ตรงกับกลุ่มสมาชิกที่อยู่อาศัย ในชุมชน Siambrandname.com

แต่คุณอัญญาณี ไม่เคยใช้อภิสิทธิ์ ในการเป็นผู้ก่อตั้ง และ เจ้าของชุมชน นำสินค้าที่ตนเองมีส่วนเกี่ยวข้อง มาโฆษณาประชาสัมพันธ์ในชุมชน โดยไม่เคารพข้อตกลง เลยแม้แต่ครั้งเดียว

แม้ว่า งานที่ทำร่วมกัน ในพื้นที่ระบบชุมชน Siambrandname.com จะล้มเหลว พัง ลงในมือของข้าพเจ้า

คุณอัญญาณี และ คุณเอกราช ก็ยังให้โอกาสข้าพเจ้า ในการทำงานร่วมกัน ในพื้นที่ บริษัท ประเมิน และ จัดหา สินค้า เทคโนโลยี (ซึ่ง ต่อมา คือ บริษัท โอคิเทค จำกัด) ที่คุณเอกราช ตั้งต้นประเมิน สินค้าเทคโนโลยีไว้ให้ (ซึ่งต่อมา คือ FEBICO Organic Chlorella) และ คุณอัญญาณี เข้ามาช่วย benchmark สินค้า รวมถึง เข้ามาทำงานในสมมุติ ที่ปรึกษาทางการตลาด ด้วยการ กำหนดพื้นที่นามธรรม ที่จะใช้ในการตลาด รวมถึง ออกแบบ และ สร้าง กลยุทธ ที่จะพาให้ผู้รับสาร ให้เข้าถึงพื้นที่นามธรรมของสินค้า ซึ่งเป็นทักษะแบบเดียวกันกับ ที่คุณอัญญาณี ได้ใช้สร้างชุมชน Siambrandname.com ขึ้นมาสำเร็จ




ดังนั้น การได้รับโอกาสในการทำงาน ในพื้นนี้ ข้าพเจ้าจึงมีโอกาส ได้ศึกษา เรียนรู้ การทำงาน benchmark สินค้า และ การตลาด จาก คุณอัญญาณี ที่ความสามารถอย่างมาก ในศาสตร์ทั้ง 2 แขนงนี้

แม้ว่าในตอนนั้น ข้าพเจ้า ยังไม่เข้าใจ ความสามารถ ในศาสตร์ทั้ง 2 แขนงนี้ เท่าใดนัก แต่จากความผิดพลาดในพื้นที่ก่อน ครั้งนี้ ข้าพเจ้าจึงพยายามทำงาน ตามการประเมิน ของคุณเอกราช และ การออกแบบงานด้านการตลาด ของคุณอัญญาณี อย่างสุดความสามารถ

ส่วน งานของข้าพเจ้า ในช่วงเริ่มต้น การทำงานในพื้นที่ คือ สรุป หลักการทางวิทยาศาสตร์ จาก งานวิจัย ทั้งในและ ต่างประเทศ เพื่อ อธิบาย ปรากฏการณ์ และ กลไก การทำงานของสินค้า ให้เข้ากับ งานด้านการตลาด ที่คุณอัญญาณี ได้ออกแบบไว้

การค้นหา และ อ่าน ทำความเข้าใจ งานวิจัย และ สรุปหลักการทางวิทยาศาสตร์ เป็นงานง่าย สำหรับข้าพเจ้า แต่ การที่จะทำงานให้ เข้ากับ งานที่คุณอัญญาณี ออกแบบนั้น เป็นงานยากสำหรับข้าพเจ้า จากความแตกต่าง ในความเข้าใจด้านการตลาด และ ทักษะทำงาน ระหว่าง คุณอัญญาณี กับ ข้าพเจ้า แต่ทั้ง คุณอัญญาณี กับ คุณเอกราช พยายามทำงานกับข้าพเจ้า จนข้าพเจ้าเริ่ม เข้าใจ และ ทำงานได้ราบรื่นขึ้น

แต่ สิ่งที่เป็นสิ่งใหม่ สำหรับข้าพเจ้า ในงานนี้ คือ การ benchmark สินค้า ซึ่ง ข้าพเจ้า มีโอกาสได้ร่วมทำงานนี้ด้วย ในขณะที่ข้าพเจ้า benchmark แล้ว ไม่พบสิ่งใด แต่ข้าพเจ้ากลับได้รับแจ้ง ปรากฏการณ์ที่พบ จากการ benchmark ของคุณอัญญาณี อยู่เสมอ และ เมื่อนำปรากฏการณ์ ไปค้นหางานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ก็กลับพบ งานวิจัยที่สนับสนุนปรากฏการณ์นั้นๆ ที่คุณอัญญาณีแจ้ง จริง ทุกครั้ง

การได้มีส่วนร่วมทำงานนี้ ของข้าพเจ้า ได้เปิดโลกความเข้าใจของข้าพเจ้าอย่างมากมาย และ ได้ขยายขอบเขตความเข้าใจ วิทยาศาสตร์ ที่เชื่อมกับปรากฏการณ์ ที่สัมผัสได้ด้วยผัสสะ ที่คุณเอกราช เคยสอนข้าพเจ้าเป็นคำพูด เมื่อตอนได้เริ่มทำงานร่วมกันแรกๆ แต่ในตอนนั้น ข้าพเจ้ายังไม่เข้าใจ ซึ่ง คุโณปการที่ได้ทำงาน กับคุณอัญญาณี และ คุณเอกราช ในพื้นที่นี้ ส่งผลให้ข้าพเข้า สามารถพัฒนาทักษะวิทยาศาสตร์ ของตนเองให้ละเอียด ลึกซึ้ง ขึ้นมาก อย่างที่ข้าพเจ้าเองไม่เคยคาดคิดมาก่อน

การทำงานร่วมกัน ในพื้นที่นี้ ที่ผ่านมา ถือว่า ประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง และ สามารถพัฒนา และ ขยายพื้นที่ ต่อไป ซึ่ง แม้ว่าคุณอัญญาณี จะจากไปแล้ว แต่ งานที่คุณอัญญาณี ได้ออกแบบไว้นั้น เปรียบดัง ถุงแพรของขงเบ้ง ที่ทำให้ ข้าพเจ้า สามารถทำงานพื้นที่นี้ โดยสามารถรักษา องศางาน ที่คุณอัญญาณี ออกแบบไว้ ต่อไปได้


คุณอัญญาณี พบว่า ร่างกายตนเอง มีอาการผิดปกติ โดยไม่ทราบสาเหตุ ตั้งแต่เรียนอยู่ชั้นมัธยมต้น แต่ในตอนนั้น ยังไม่มีอาการมาก สามารถใช้ชีวิตตามปกติได้ จึงยังไม่ได้เริ่มสร้างกระบวนการรักษา แต่ได้ benchmark ร่างกายตนเอง เก็บข้อมูลการผิดปกติไว้

คุณอัญญาณีพบว่า ร่างกายตนเองเริ่มมีอาการผิดปกติมากขึ้น เมื่อตอนเป็นนักศึกษาปริญญาเอกอยู่ที่ประเทศอังกฤษ แต่ไม่ทราบสาเหตุ และ ได้เริ่มทำการพบแพทย์ เพื่อตรวจร่างกาย อย่างจริงจัง ต่อเนื่อง อยู่หลายปี หลังจากกลับมาจากประเทศอังกฤษ แต่ไม่มีที่ใด ที่สามารถตรวจพบความผิดปกติ ของร่างกายได้

เมื่อกลางปี พ.ศ. 2564 คุณอัญญาณี เริ่มเห็นสัญญาณการผิดปกติของร่างกายชัดเจน จึงได้พบว่า ตนเอง มีอาการของโรค ME/CFS (Myalgic encephalomyelitis/chronic fatigue syndrome)

โรค ME/CFS เป็นโรค ที่วิทยาการ การแพทย์ ในปัจจุบัน ยังไม่สามารถระบุสาเหตุได้ ดังนั้น วิทยาการ การแพทย์ ทั้งหมด ที่มีในปัจจุบัน จึงไม่สามารถรักษาโรคนี้ได้

ได้มีการจัดตั้งเครือข่าย การวิจัยเพื่อรักษาโรค ME/CFS ที่สหรัฐอเมริกา ซึ่ง คาดว่า มีผู้ป่วยโรคนี้ ที่สหรัฐอเมริการาวๆ 836,000 ถึง 2.5 ล้าน คน นำโดย Dr. Ron W. Davis ที่ พบว่า ลูกชายของตนเอง มีอาการของโรค ME/CFS เมื่อประมาณ ปี ค.ศ. 2011



Dr. Ron เป็นศาสตราจารย์ ด้าน ชีวเคมี และ พันธุศาสตร์ ที่ Stanford School of Medicine และ เป็นผู้อำนวนการ ศูนย์เทคโนโลยีพันธุกรรม มหาวิทยาลัย Stanford หนึ่งในมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศสหรัฐอเมริกา และ ของโลก ซึ่ง เป็นผู้นำในการพัฒนา Genetic Map ของมนุษย์ ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก







เมื่อพบว่า ลูกชายของตน มีอาการของโรค ME/CFS จึงได้ ก่อตั้ง ศูนย์วิจัย โรค ME/CFS โดยใช้ โครงสร้างพื้นฐาน จากศนูย์เทคโนโลยีพันธุกรรม ที่ตนรับผิดชอบอยู่ ในปี ค.ศ. 2014 ซึ่ง ต่อมา ได้มีการก่อตั้งศูนย์วิจัย โรค ME/CFS ที่มหาวิทยาลัยอื่นๆ ทั้งในและนอก สหรัฐอเมริกา และ ทั้งหมด ได้ทำการร่วมกันเป็นเครือข่าย และ ได้มีการจัดตั้ง มูลนิธิ Open Medicine Foundation ซึ่ง Dr. Ron รับตำแหน่งเป็น ประธาน ซึ่ง ต่อมาเครือข่ายนี้ ได้มี นักวิทยาศาสตร์ ที่ได้รับรางวัลโนเบล 3 คน เข้าร่วม





ซึ่ง ปัจจุบัน เครือข่าย การวิจัยนี้ "ยังไม่สามารถ หาสาเหตุ การเกิดขึ้นของโรค ME/CFS ได้"

(อ้างอิงจาก
https://meassociation.org.uk/2014/10...-october-2014/
https://www.omf.ngo/collaborative-re...nter-stanford/
https://www.q13fox.com/news/scientis...id-19-patients
https://med.stanford.edu/sgtc/general/CFSRC.html
https://med.stanford.edu/school/campus.html)

(ศึกษาเพิ่มเติม เกี่ยวกับ โรค ME/CFS ได้เบื้องต้น จาก สารคดี เรื่อง Unrest ใน NetFlix)



คุณอัญญาณี ได้พยายาม benchmark ร่างกายตนเอง และ ใช้ทักษะวิทยาศาสตร์ เพื่อแกะรอย หาสาเหตุของอาการตนเอง โดยมี คุณเอกราช คอยสนับสนุน เรื่อง ข้อมูล ความรู้ และ Conceptual ทางวิทยาศาสตร์ อยู่หลายปี ก่อน ที่จะรู้ว่า ตนเองเป็นโรค ME/CFS

เมื่อช่วงเดือน กันยายน พ.ศ. 2564 คุณอัญญาณี ได้เกิดภาวะ ออกซิเจน ในเลือด ลดลง กระทันหัน จาก 99% เหลือ ราวๆ 60% ภายในระยะเวลา 10 นาที จากการวัดโดยเครื่องมือวัด เกิดขึ้นในช่วงกลางวัน ซึ่ง ทั้งคุณอัญญาณี และ คุณเอกราช ได้ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน จนผ่านเหตุการณ์ครั้งนั้นไปได้

แต่เหตุการณ์ครั้งนั้น กลับเป็นจุดเริ่มต้น ของการมีภาวะ ออกซิเจน ในเลือดลดลง กระทันหัน เกิดขึ้นเรื่อยๆ คุณอัญญาณี ต้องคอยเฝ้าระวัง โดยใช้ การ benchmark ร่างกายตนเอง ในทุกขณะจิต เพื่อให้สามารถรับมือ กับภาวะนี้ได้ทัน ส่วน คุณเอกราช คอยช่วยดูผ่านเครื่องมือวัด ทุกๆ 10 นาที รวมถึง การเกิดเหตุการณ์ ที่คุณอัญญาณี ยืนอยู่เฉยๆ อัตราการเต้นของหัวใจ ก็พุ่งสูง จนเหนื่อยหอบ โดยไม่ทราบสาเหตุ แต่ทั้ง คุณอัญญาณี คุณเอกราช และ น้องเฟ น้องเช ลูกๆ ก็ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน จนผ่านภาวะเหล่านั้นมาได้

มีช่วงที่แย่ที่สุด ที่คุณอัญญาณี ไม่สามารถลุกจากเตียงได้ แต่ทั้งครอบครัว ก็ยังไม่ละความพยายาม ที่จะหาสาเหตุ ของโรค ME/CFS เพื่อให้คุณอัญญาณี หายจากโรค และ ได้กลับมาใช้ชีวิตปกติ ร่วมกันกับครอบครัว

จากความพยายามร่วมกัน ของทั้งครอบครัว รวมถึงคุณแม่ของคุณอัญญาณี และ คุณศิริกาญจน์ เมื่อปลายปี พ.ศ. 2564 อาการคุณอัญญาณี ดีขึ้นชัดเจน เริ่มเดินได้คล่อง และ สามารถเดินทางไกล ไปต่างจังหวัด กับครอบครัวได้

รอยยิ้ม ในทริปสุดท้าย ของ คุณแอ๊นท์ กับ ครอบครัว

"ขอบคุณ ที่ชวนไปเที่ยว เพื่อให้เราได้มีความทรงจำดีๆ ร่วมกัน ทั้งที่ ตอนนั้นป่วย ด้วยโรค ME/CFS"

-- ครอบครัว

คุณอัญญาณี และ คุณเอกราช เริ่มพบสาเหตุ การเกิดขึ้น ของโรค ME/CFS จากความพยายาม ในการ benchmark และ ใช้ทักษะวิทยาศาสตร์ เพื่อทำความเข้าใจ เงื่อนไข สาเหตุ การเกิดความผิดปกติ รูปแบบต่างๆ ของคนที่เป็นโรค ME/CFS ซึ่ง มีมากมายหลายรูปแบบ อยู่อย่างต่อเนื่องหลายปี ของคุณอัญญาณี โดยมี คุณเอกราช คอยช่วยเหลือ สนับสนุน

เมื่ออาการของร่างกายดีขึ้นชัดเจน คุณอัญญาณี และ คุณเอกราช ได้เริ่ม ประมวลผล ข้อมูล ความรู้ที่ได้ ทั้งหมด เพื่อเรียบเรียงเป็นบทความ สำหรับผู้ป่วยโรค ME/CFS ให้ได้รู้สาเหตุการเกิดขึ้นของโรค และ หลักการ ในการดูแลรักษาตนเอง ต่อไป


จาก สภาวะของโรค ที่ทำให้ ร่างกายของคุณอัญญาณี อ่อนล้า มาอย่างยาวนาน และ ความพยายาม อย่างแรงกล้า ที่จะหาสาเหตุของอาการผิดปกติ มานานหลายปี ยิ่งทำให้ร่างกายยิ่งรับภาระสะสมมากขึ้น

คุณอัญญาณี เกิดภาวะ ออกซิเจน ในเลือดต่ำ เมื่อเวลาราวๆ ตี 3 ของวันที่ 19 ม.ค. 2565 ซึ่งเป็นช่วงกลางดึก จึงทำให้ ไม่สามารถรับมือ กับภาวะอาการนี้ ได้ทันเวลา จึงส่งผลให้คุณอัญญาณี จากไป เมื่อราวๆ ตี 3 ของวันที่ 19 ม.ค. 2565

เมื่อทราบข่าว การจากไป ของคุณอัญญาณี ทั้งภรรยาของข้าพเจ้า และ ข้าพเจ้า ครอบครัวของเรา รู้สึกเสียใจ และ เจ็บปวด เป็นอย่างยิ่ง ในการสูญเสียครั้งนี้

คุณเอกราช และ คุณอัญญาณี ทั้งคู่ เป็นผู้ที่มีคุโณปการ ต่อชีวิตของข้าพเจ้า เป็นอย่างยิ่ง ข้าพเจ้าได้มีโอกาส ทบทวน เปลี่ยนแปลงตนเอง เรียนรู้ ทำความเข้าใจ ตนเอง และ สิ่งแวดล้อม ได้ลุ่มลึกขึ้น อย่างที่ข้าพเจ้าเอง ไม่เคยคาดคิดมาก่อน

ท้ายนี้ ข้าพเจ้า ขอโทษ ทั้ง คุณอัญญาณี และ คุณเอกราช ในความผิดพลาด ของข้าพเจ้า ที่ไม่สามารถรับผิดชอบต่อโอกาส ที่ได้รับ และ ไม่สามารถรักษาสัญญาได้

ด้วยความเคารพ

พรอนันต์ อุดมถาวรสุข




สำหรับเพื่อนสมาชิก ที่ต้องการร่วมไว้อาลัยให้กับคุณแอ๊นท์ สามารถเขียนคำไว้อาลัย ได้ในความคิดเห็น และ ทางเรา ขอให้มีประโยค ว่า

"ขอให้คุณแอ๊นท์ ได้ไปเป็น ก้อนเมฆ ที่ สงบ ใจดี และ มีอายุขัย"

ซึ่ง เป็นประโยคที่ คุณแอ๊นท์ ได้ขอไว้ สำหรับไว้อาลัย ก่อนที่คุณแอ๊นท์ จะจากไป ครับ

และ ถ้าหากเพื่อนสมาชิกท่านใด ต้องการไว้อาลัย ร่วมกับ ครอบครัว ของคุณแอ๊นท์ สามารถเข้าไปไว้อาลัยได้ ในหน้าโพสต์ เฟซบุ๊ค ของคุณเอกราช สามีของคุณแอ๊นท์ ตามลิงค์ด้านล่าง ครับ

https://www.facebook.com/meehuajai/p...59786138343588

และ ขอเชิญอ่าน บทความ “ถ้าพรุ่งนี้เป็นวันสุดท้าย วันนี้จะใช้ชีวิตอย่างไร” บทความเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้วของคุณแอ๊นท์ ได้ที่ลิงค์ด้านล่าง ครับ

https://siambrandname.com/forum/show...4#pt1068330164

ทีมงาน SBN

[itasian]

ได้รู้จักกับพี่แอ๊นท์ เมื่อครั้งพี่แอ๊นท์ เรียนอยู่ มหา'ลัย โดยพี่ปอ ซึ่งเป็นเพื่อน แนะนำให้รู้จัก
และ ตั้งแต่นั้นไม่ได้เจออีกเลย จนกระทั่ง พี่ปอชวนพี่แอ๊นท์ ไปที่แก่นวิชา

และได้เจออีกครั้ง เมื่อได้รับโอกาสให้ได้ทำงานร่วมกัน ในระบบธุรกิจที่พี่ปอสร้างขึ้นมา
ตั้งแต่นั้น จึงได้เห็น ได้รู้จัก ได้ร่วมทำงานกับพี่แอ๊นท์มากขึ้น
และรู้สึกทึ่ง ในทักษะ ความรู้ ความสามารถ ของพี่แอ๊นท์ อยู่บ่อยครั้ง
ตลอดจนได้เห็น ความเป็นคนใจดี มีน้ำใจ ให้อภัยคนเสมอ ไม่เคยเห็นพี่แอ๊นท์ โกรธใครเลย
และมีความปรารถนาดีต่อผู้อื่นเสมอ แม้ในหลายครั้ง ที่ได้ทำผิดไว้ต่อพี่แอ๊นท์
แต่ พี่แอ๊นท์ก็ไม่ถือโทษ ไม่โกรธ และยังให้อภัยตลอดมา ยังคงทำงานร่วมกันเสมอ
เป็นคนที่ ใจดี มีความรักให้ผู้อื่น และ ปรารถนาให้ทุกคนมีความสุขอยู่เสมอ
ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใดก็ตาม

ขอบคุณพี่แอ๊นท์ ที่ให้โอกาส ได้รู้จัก และให้ทำงานร่วมด้วย

แม้ในวันนี้ พี่แอ๊นท์ ได้เริ่มเดินทางสู่ภพภูมิอื่นแล้ว
ขอให้ พี่แอ๊นท์ มีความรัก มีความสุข รักนิรันดร์ ตลอดไป

และขอระลึกถึง ตามคำของน้องเฟ ลูกสาวที่รักของพี่แอ๊นท์
"ขอให้ พี่แอ๊นท์ ได้ไปเป็นก้อนเมฆ ที่สงบ ใจดี และมีอายุขัย"

ปล.ขึ้นต้นคำเรียกทั้งคู่ด้วย "พี่" เหมือนกัน เป็นคำพูดติดปาก มาตั้งแต่สมัยยังทำงานสอนที่แก่นวิชา

.
ขอบคุณรูปจาก
https://www.blockdit.com/posts/5ed233b9f6ff1c0c74a7a4eb

ตอนที่เลือกรูปว่าจะโพสต์รูปอะไรดี ไม่รู้เหตุ ทำไม นึกถึงเรื่องนี้ "UP"
แต่ วันนี้ ได้เห็น น้องเฟ ถือลูกโป่ง ในงานของพี่แอ๊นท์ จึงหารูป และเลือกรูปนี้ เป็นรูปโพสต์

[itasian]

เมื่อปี 2555 สินค้าแฟชั่น แบรนด์ The Signature ได้ถือกำเนิดขึ้น
มี คุณอัญญาณี มุขสมบัติ ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งเวบไซต์ Siambrandname
และคุณเอกราช จันทร์ดอน ผู้เป็นสามี เป็นบุคคลสำคัญ โดยเป็นผู้กำหนดอัตลักษณ์ของแบรนด์
ได้ตั้งองศาความเป็นแบรนด์ The Signature เอาไว้
อีกทั้งยังให้คำปรึกษาด้านความเป็นแฟชั่น ร่วมออกแบบสินค้าแต่ละรุ่น
ตลอดจนการขาย การตลาด โอกาสในการเติบโตของแบรนด์ ตั้งแต่นั้น


ด้วยความสามารถด้านแฟชั่น อันโดดเด่น ของคุณอัญญาณี ทำให้แบรนด์ The Signature
สามารถแทรกเข้าสู่ตลาดได้ และด้วยความสามารถในการสร้างงาน สร้างธุรกิจ
ของคุณเอกราช ช่วยให้แบรนด์ ยังคงยืนหยัดอยู่ได้ จนทุกวันนี้


หากไม่ได้รับการตั้งองศา อัตลักษณ์ ความเป็นแฟชั่น เอาไว้ ตั้งแต่ วันเริ่มต้น
วันนี้ ที่เราทุกคนต่างตกอยู่ในสถานการณ์โควิด ที่เกิดวิกฤติหนักทางเศรษฐกิจ
จนหลายแบรนด์ ล้มหายไป และแม้แบรนด์ The Signature ยอดขายลดลงมาก
แต่ ก็ยังคงดำรงอยู่ได้


เป็นเพราะ สิ่งที่ดูเป็นเรื่องเล็กน้อย การกำหนดอัตลักษณ์ของแบรนด์
อย่างที่ คุณอัญญาณี และคุณเอกราช กำหนด แต่ เป็น หัวใจสำคัญอย่างยิ่ง
ที่บ่งบอกว่าแบรนด์สามารถมีโอกาส มีอายุขัย ได้ยาวนานเพียงใด
และตราบใดที่ ผู้รับผิดชอบหลักในการสร้างให้แบรนด์นี้ เกิดขึ้นได้จริง
ยังคงรับผิดชอบต่ออนาคตของแบรนด์ แบรนด์ก็มีอายุขัยได้ยาวนานเพียงนั้น


ผมรู้สึกโชคดีมาก ที่ได้ทำงานร่วมกันกับทั้งคุณอัญญาณี และคุณเอกราช
และได้รับโอกาสให้ทำหน้าที่ เป็นผู้รับผิดชอบหลักในการสร้างให้แบรนด์นี้ เกิดขึ้นได้จริง
ให้ได้รับโอกาสให้เรียนรู้ ที่จะเกิดความรับผิดชอบทั้งต่ออนาคตของตนเอง และสิ่งที่เลือกทำ
แม้ว่า ในการทำงานที่ผ่านมา จะเกิดปัญหา ติดอุปสรรคที่เกิดจากใจ ไม่ว่าจะกี่ครั้งก็ตาม
แต่ ไม่มีครั้งไหนเลย ที่ไม่เคยได้รับ การไม่ให้อภัยจากทั้งคู่ และยังคงทำงานร่วมกันต่อไป


ขอโทษสำหรับความผิดพลาดที่กระทำไว้ ต่อทั้งคู่ ด้วยครับ


ขอบคุณคุณอัญญาณี และ คุณเอกราช ที่ตั้งองศางานให้กับแบรนด์ The Signature ไว้ให้
ตลอดจนให้คำปรึกษา ด้านแฟชั่น การออกแบบสินค้าแต่ละรุ่น รวมถึงการขาย และการตลาด
และขอบคุณที่ให้โอกาสผม ได้ทำงานร่วมกัน เพื่อประโยชน์ต่อการเรียนรู้ของผมเอง


จากนี้ไป แม้คุณอัญญาณี จะไม่อยู่แล้ว ผมจะพยายามรับผิดชอบ รักษา
คุณค่างานที่คุณอัญญาณี และคุณเอกราชได้เริ่มไว้ให้ เพื่อดำรงอัตลักษณ์คุณค่าของความเป็น The Signature ต่อไปครับ


ขอระลึกถึง ตามคำของน้องเฟ ลูกสาวที่รักของคุณอัญญาณี
"ขอให้ คุณอัญญาณี ได้ไปเป็นก้อนเมฆ ที่สงบ ใจดี และมีอายุขัย"

[iDnOuSe4]

"ขอให้คุณแอ๊นท์ ได้ไปเป็น ก้อนเมฆ ที่ สงบ ใจดี และ มีอายุขัย"

ขอโทษที่เคยทำผิดต่อพี่ และขอบคุณที่ให้ความหวังดี และเมตตากับผมและครอบครัวเสมอมาครับ

[NatchDada]

"ขอให้คุณแอ๊นท์ ได้ไปเป็น ก้อนเมฆ ที่ สงบ ใจดี และ มีอายุขัย"

ขอให้คุณแอ๊นท์ไปสู่สุคตินะคะ ขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจเล็กๆให้กับทางครอบครัวด้วยค่ะ

ขอบคุณสำหรับพื้นที่ดีๆแห่งนี้และทีมงานSBNมากๆค่ะ

[khunphing]

ขอให้คุณแอ๊น ไปสู่สุขคติ ภพภูมิที่ดี"ขอให้คุณแอ๊นท์ ได้ไปเป็น ก้อนเมฆ ที่ สงบ ใจดี และ มีอายุขัย"

[Greennut]

"ขอให้คุณแอ๊นท์ ได้ไปเป็น ก้อนเมฆ ที่ สงบ ใจดี และ มีอายุขัย"

[Leena]

To K.Ant
<The SBN webmaster administration>



"ขอให้คุณแอ๊นท์ไปสู่สุคติคะ"


"ขอให้คุณแอ๊นท์ไปเป็น "ก้อนเมฆ" ที่สงบ ใจดี และ มีอายุขัย"




ขอเป็นหนึ่งกำลังใจให้ครอบครัวคุณแอ๊นท์ข้ามผ่านทุกสิ่งไปได้ด้วยดีนะคะ



ขอขอบคุณสำหรับพื้นที่ดีๆที่ให้พวกเราได้มีโอกาสณ ที่แห่งนี้และทีมงานSBNทุกๆท่านมากๆนะคะ
(และเรื่องราวทั้่งหมดที่แจ้งให้สมาชิกทุกท่านทราบคะ)






Always Love SBN Forever
LeeNa@Sbn

[anake]

"ขอให้คุณแอ๊นท์ไปเป็น "ก้อนเมฆ" ที่สงบ ใจดี และ มีอายุขัย"
"ขอแสงความเสียใจต่อครอบครัวคุณแอ๊นท์ค่ะ"
"ขอขอบคุณทีมงาน SBN ทุกๆท่านค่ะ"

[itasian]

ขอโทษที่ไม่ได้รับผิดชอบต่อความเป็นมนุษย์
ที่ ตัวเองมีจิตริษยาต่อคนที่มีความรักนิรันดร์
จากที่พี่ปอสอนครั้งล่าสุด พิจารณาตามตรรกะ เห็นจริงตามนั้น
ไม่มีข้อโต้แย้งว่า ไม่จริง มีเพียง ความจริงที่ต้องยอมรับ ที่ตัวเรามีจิต ริษยา ให้ได้
เพราะ เรามีจิต ริษยา จึงไม่ฟัง ทุกข์ ใครให้ได้ยิน
เพราะลึกเข้าไปในจิตวิญญาณ ตัวเอง ก็ไม่เชื่อในรักนิรันดร์

ถ้าหาก ในระดับจิตแล้ว เชื่อในรักนิรันดร์ ก็จะฟังได้ยิน คำของ่ายๆ
ช่วยให้โอกาสคนอื่นได้รู้บ้างว่า รักนิรันดร์ นั้น มีอยู่จริง
และจะได้ช่วยให้พวกเขาไม่หลงทาง

แต่ ที่ไม่เคยบอกใครเลย ถึงโอกาสเหล่านั้น ก็เพราะใจเราเอง
ไม่เชื่อในรักนิรันดร์ ใจเรา ยัง ริษยา

คนที่เชื่อในรักนิรันดร์ จะป้องกันไม่ให้เกิดจิตริษยา
ส่วนจิตริษยา จะขัดขวาง ไม่ให้ คนที่ถูกริษยา มี รักนิรันดร์
เลวร้ายที่สุด คือ ปล่อยให้คนนั้น ถึงแก่ชีวิต

ด้วยเหตุที่มีจิตริษยานี้ จึงเป็นเหตุให้คนที่เชื่อในรักนิรันดร์
คนรักของเพื่อนต้องสิ้นอายุขัย

ขอโทษครับ ผิดเองที่ไม่เชื่อในรักนิรันดร์ แล้วไปริษยาคนอื่นอีก
จนเป็นเหตุให้คนรักของเพื่อนต้องจากไป

ขอโทษครับ ขอโทษพี่แอ๊นท์ ขอโทษพี่ปอ
ขอโทษทุกดวงวิญญาณ ที่เชื่อในรักนิรันดร์