Eddy ขอตั้งชื่อกะเป๋า series เหล่านี้ ว่า... ‘กะเป๋า Signature Doraemon เอนกประสงค์ ’ ทำไมถึงต้องเชิดชูเกียรติเรียกกะเป๋า 3 ใบนี้ว่าเช่นนั้นเหรอ?
อย่างแรก :
กะเป๋าเหล่านี้ เป็นตัวแทนที่บ่งบอกถึงตำนานที่มีมาเป็น 100 ปี ก่อนพวกเราเกิด เจ้าของแบรนด์ทั้ง 2 มี concept ในการสรรค์สร้างความเป็น signature อันเหนียวแน่นมั่นคง และยึดมั่นมาโดยตลอด อาจจะล้มลุกคลุกคลานในช่วงเริ่มต้นหากแต่ก็สามารถฝ่าฟันจนกลายมาเป็น signature ของแบรนด์ที่ strong มากๆ ในทุกวันนี้ และไม่มีวันที่จะเอามา saleใน shop อย่างแน่นอน! ไม่ว่าความเป็น
ผ้าร่มของ Prada (Prada SOLD OUT)ที่สรรค์สร้างออกมาก่อนแบรนด์อื่นใด ภายใต้ concept ที่ Prada คิดได้กว่า 100 ปีที่ว่า กะเป๋าที่ดีไม่ควรสร้างความหนักให้กับผู้ใช้งานเพาะมันมีผลต่อสุขภาพ หากแต่ต้องคงทนพร้อมรับของที่หนักและสามารถที่จะไปกับเราทุกที่ ไม่ต้องดูแลมาก ทำความสะอาดง่าย ความคิด อันแสนจะเป็นความจริงและ Prada ยึดมั่น concept นี้อย่างยึดมั่น Prada จึงไปแสวงหาเทคโนโลยีที่ดีที่สุดในโลก จึงได้ไปค้นพบและร่วมการวิจัยในเทคโนโลยีขององค์การอวกาศ NASA จึงเป็นที่มาของ กะเป๋าผ้าไนลอนที่แตกต่างไม่เหมือนใคร กล่าวคือ ไม่ติดไฟ / นน.เบาที่สุดในโลก แต่เหนียวแน่นคงทนยิ่งกว่าหนัง / ใช้ไปไม่มีวันบวมน้ำเหมือนไนลอนแบรนด์อื่นอย่างเช่น ไนลอนของ Lampchamp อันแสนถูก และนำมาต่อยอดและพัฒนาไปใช้กับผลิตภัณฑ์ประเภทอื่นอย่างเช่นเสื้อผ้า หรือในส่วนประกอบของรองเท้า โดยปรับสัดส่วนความเป็นยานอวกาศ ให้มันได้ความล้ำหน้าที่ต่างกัน เพื่อตอบสนองตามการใช้งานจริงของมัน พัฒนาให้มันล้ำเข้าไปอีกแบบ NASA ก็ยังตามไม่ทัน ด้วยการผสมสีขั้นเทพให้มันเฉดสีต่างๆกัน แต่การันตรีว่าทุกสีต้องสด และเจ็บ แม้ว่าจะเป็นสีเข้มก็ต้องเข้มจริง เจ็บจริง สีน้ำเงินก็ต้องน้ำเงินแบบในเฉดสีที่ต่างๆกันเพื่อให้ลูกค้าไดน้ำเงินที่มันตรงจิตตรงใจกับเค้าจริงๆ เช่น น้ำเงินของ Prada ต้องมี Cobalt blue / Baltic Blue / Denim Blue หรืออย่างสีแดงหรือ ก็มีทั้ง แดง Rosso / แดง Burgundy หรือ เก๋ไปอีกขั้นด้วย แดง ทับทิม etc เพาะชะนั้นกะเป๋า Prada จึงมีให้เลือกหลากหลายมากมาย เพาะ Prada ตั้งใจว่า ลูกค้าจะได้รับของที่ตรงใจ สีตรง จริต กับลูกค้าสุดๆ ต่างจาก monogram LV แสนเสร่อของหลุยส์ที่มีอยู่ shade เดียวให้เลือก คือ shade อาแปะ อาซิ่ม ที่พร้อยไปด้วยลาย LV
ส่วน FENDI นี่ถ้าใครรู้จักเค้าจริงๆ แทบจะไม่ต้องพูดอะไรเลย
แต่เพาะ FENDI เป็นแบรนด์ที่ต้องการลูกค้าเฉพาะกลุ่มจริงๆ ไม่ได้ต้องการผลิตของ mass เพาะเค้ารู้ดีว่าของเค้าต้องควบคุมคุณภาพอย่างสูงสุด only made in Italy เท่านั้นจิงๆ ไม่ประหยัดไปผลิตที่อื่น เค้าไม่สามารถขาย mass แบบ แบรด์อื่นได้ เพาะเค้ายึดมั่นในบ่างฝีมือแรงงานที่แพงที่สุดในโลก นอกจากจะใช้หนังคุณภาพดีเยี่ยมที่สุดในการผลิต FENDI ยังเป็นผู้บุกเบิกในเทคโนโลยีของการสรรสร้างให้กะเป๋าจากหนังคุณภาพเหล่านั้น ที่เหนือกว่าใครๆทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีการปั่นหนัง 4 วัน 4 คืนไม่หยุดพัก เพื่อให้หนังฟอร์มตัวเป็นเม็ด ซึ่งยังผลให้กะเป๋าหนังของ FENDI ป้องกันรอยขีดข่วน หรือเทคโนโลยีการอัด shimmer เข้าไปในเนื้อหนังคุณภาพ เพือ่สร้างสรรค์กะเป๋าให้มันวิ้งค์ๆ โดยที่ shimmer ไม่หลุดติดแขนออกมาเวลามันถือ! ไม่แปลกใจที่ LV พยายามที่จะกลืนกิน FENDI อย่างมาก เพาะทึ่งในเรื่องเทคโนโลยี หากแต่ขอโทษในโลกโลกาภิวัตน์ FENDI อาจจะยอมขายร่างกาย แต่หากจิตวิญญาณของ FENDI ยังต้องยืนอยู่ ไม่มีวันเสื่อมสลาย FENDI จะไม่ยอมหยุดนิ่ง ในการสร้างสรรค์เทคโนโลยี เพื่อให้ก้าวข้าม และล้ำหน้ากว่าแบรนด์อื่นไปอีก 1 step เสมอ
และ เป็น FENDI นี่แหละที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของ Chanel อันโด่งดังมากๆในสมัยนี้ ทำไมน่ะเหรอ? ย้อนรอยไปปะมาณเกือบ 50 ปีที่แล้ว ที่ พ่อมดแห่งวงการแฟชั่น Karl Lagerfeld
ยังวัยกระเตาะ เป็น young designer ไม่มีชื่อ no-name ขณะที่ปู่ Karl แพ้การประกวด young designer อย่างหลุดลุ่ยให้กับ Yves Saint Lauren สมัยนั้นแหล่ะ เป็น FENDI ที่ริเริ่มเล็งเห็นความสามารถในตัวของ ปู่ Karl และเป็นคนที่ให้โอกาส และดึงศักยภาพของ ปู่จนโลกต้องตะลึง...
เรียกได้ว่า : ''ถ้า FENDI ไม่เลือก Karl Lagerfeld , Chanel ก็ไม่มีวันเล็งเห็นศักยภาพคุณ แล้วเลือกคุณมาเป็น ครีเอทีฟ ไดเรคเตอร์ จนทำให้คุณดังมากขนาดนี้หร้อก''
จำไว้นะ ว่า เรา FENDI เป็น คนเล็งเห็นคุณก่อน Chanel! และคนทั้งโลกก้จะไม่มีวันได้ถือ กะเป๋า Chanel ที่ดังมากๆในเวลานี้ได้เลยยย
--> แล้วกะเป๋าใบนี้มันเกี่ยวกับ designer มือ 1 ของโลกอย่างปู่ Karl ยังไงเหรอ?
การเล็งเห็นการณ์ไกลว่า ปู่ Karl จะดังมากในอนาคต จึงจับมือเป็นพันธมิตรกับปู่ แล้วเริ่ม การสรรค์สร้าง
FENDI signature Logo ที่เรียกว่า Zucca หรือ เรียกง่ายว่า ‘double FF’ ในปี 1965 และกลายเป็นความอมตะ เหมือนต้องมนต์ที่ไม่มีวันเสื่อมคลาย ดังนั้นกระเป๋าทุกใบ ทุกรุ่นของ FENDI ไม่ว่าจะออกแบบทรงไหนมา จะต้องมีอักขระ ‘double FF’ หรือ Zucca (จะใช้ FENDI ก็อ่านให้ถูกนะ) ในทุกใบสอดแทรกอยู่ ถ้าเป็นกะเป๋าหนังทั้งใบ ‘double FF’ ก็จะอยู่ในส่วนที่เป็นโลหะ หรือถ้าเป็น กะเป๋า jacquard แคนวาสถักทอ ผ้า jacquard ก็จะทอ ด้วย ‘double FF’ ทั้งใบ ให้รู้กันไปเลย
อย่างที่บอกว่า กะเป๋า FENDI นอกจากราคาจะแพงมากๆแล้ว การเสาะแสวงหากะเป๋าก็ยากไม่แพ้กัน.. กะเป๋าผู้หญิงของ FENDI เนี่ยเรียกว่าขั้นเทพทุกใบ เพาะเค้า made in Italy อย่างเดียวเลย และ detail ระดับงาน ของ ปู่ Karl Lagerfeld แห่ง Chanel เลยนะ
ใบแต่ละใบเค้าจึงแพงมาก เพราะ designer คือ Karl Lagerfeld ระดับเทพ world class
ดังนั้น ตัวอักษร ‘double FF’ หรือ Zucca ก็มาจากเค้านี่แหละ
อย่างที่ 2 :
อเนกประสงค์มาก สำหรับคนที่มีกำลังจำกัด ต้องการมี กะเป๋าใบเดียว หากแต่สามารถตอบโจทย์การใช้งานประหนึ่ง 7-11 กล่าวคือ 24 ชม.ใน 1 วัน , 365 วัน ใน 1 ปี ต้องใบนี้ใบเดียวเท่านั้น
ในวันทำงานหรือเรียน กะเป๋ามันจะถูกทำให้แฟบลง ตามของที่บรรจุข้างใน คุณจึงถือไปขึ้นรถเมล์ รถไฟฟ้าไปทำงาน หรือจะลงเรือด่วนคลองแสนแสบ ในชมเร่งรีบ โดยไม่ไปทำความลำบากใจ เอากะเป๋าไปกินเนื้อที่กับคนข้างๆ (ใครถือ keep all แล้วต้องระวัง cowhide จะรู้ดี)
กะเป๋าแบนแต่แฟนไม่เคยทิ้งเหล่านี้ จะทำให้คุนใช้วิตในประจำวันแบบไม่เคอะเขิน มีความสุขในการถือ ไปกะเราได้ในทุกสถานที่ อย่างไม่จำกัดเวลา
หรือในวันเก๋ๆที่อยากไป Gym แน่นอนว่าเสื้อผ้าอุปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้ใน Gym สามารถถูกบรรจุในกะเป๋าได้อย่างครบถ้วน พร้อมเสมอหากทำงานเสร็จแล้วอยากไปปลดปล่อยพลังในตอนเย็น
หรือหากแต่ในวันหยุด อยากไปเที่ยวเจเจ ไปงานเลี้ยง งานบวช งานแต่ง แอบโชว์แบรนด์แบบ classic ไมหวือหวา ดูมีรสนิยมแสนเลิศวิไลซ์ หรือ ไป short stay ที่ไหน กะเป๋าใบนี้ก็สามารถไปกับคุณได้ทุกที่แบบไม่มีเคอะเขิน กะเป๋าที่สามารถเปลี่ยนรูปร่างตามของในกะเป๋า คนเลยพาลนึกไปว่า เรามีกะเป๋าอยู่หลายใบซะงั้น
ต้องไปค้างอ้างแรมหลายคืน หรือไป short stay ต่างประเทศ กะเป๋าใบนี้ใบเดียวมีความจุ อย่างมากมาย แบบคุณต้องตกตะลึง เพียงปลดกะดุมด้านข้างขึ้นดูสิ จากนั้นก็ใส่ไปสิ คุณผู้ชายทั้งหลาย เสื้อ 4 ตัว 5 ตัว กางเกงยีนส์เอาไปอีก 2 ตัว เครื่องประทินผิว รองเท้าแตะคีบอีก เอาเข้าไปรับรองคุณไปค้างอ้างแรมได้เลย 3 คืน 4 คืน
เห็นไหมว่ากะเป๋าใบเดียวสามารถตอบโจทย์คุณได้มากขนาดไหน ใบเดียวตลอดวัน ตลอดปี ตลอดชาติ ไม่ต้องห่วงเรื่องการดูแล ถูลู่ถูกัง เพาะอย่างที่บอกว่ามันทำความสะอาดง่ายมาก คงทนด้วยว้สดุชั้นดี เหนือกว่าหนัง นน.เบา ไม่ทำลายสุขภาพร่างกายให้ต้องไปกายภาพด้วย
อย่างที่ 3 : กะเป๋าใบนี้ design ได้ล้ำเลิศ ไม่เป็นกล่องสี่เหลี่ยม แสนจะเฉิ่มเชย หากแต่ design ในสไตล์ทีเรียกเก๋ๆว่า 'Duffle' Duffle เป็นกะเป๋าที่ถูก design ต่อ ยอดจากกะเป๋าอัน คลาสสิค และฮิตที่สุดของยุค ที่ LV เรียกว่า Speedy Gucci เรียกว่า Boston Prada เีรียกว่า Bowler กะเป๋าทรงนี้จะ design โดยเพิ่มความโค้งมนให้ดู casual และอบอุ่น มากกว่า กะเป๋าทรงแข็ง สี่เหลี่ยมที่ดูเถรตรงยังกะกล่อง มิแปลกใจที่ brandname รับรู้ความจริงข้อนี้ และต่อยอดเพิ่มขนาดหากแต่ได้สัดส่วนที่ถูกต้อง สรรสร้างกะเป๋าเก๋ๆให้คุ๊ผู้ชายใช้และเรียกต่างออกมาว่า 'Duffle'
กะ เป๋าที่เอ้ดดี้นำมาเสนอต่างมีความเป็น Duffle มากมาต่างกัน โดยเฉพาะใบ Prada กับ FENDI ที่มีกระดุมแ้ป้กปิดด้านข้าง บอกได้เลยว่าสุดยอดมากๆๆ เพาะในวันที่ถือของไม่ได้เยอะมากมายนัก ปิดกะดุมแป้ก 2 ด้านซะ มันจะสรรสร้างให้เป็นทรงกะเป๋า Duffle ได้อย่างเก๋ไก๋ไฉไลที่สุด อย่างไม่มีใครเปรียบ คุณจะดูแตกต่างอย่างมีรสนิยม แบบไม่อาแปะอาซิ่มแบบ LV ลายพร้อยไปทั้งตัว!
และอย่างที่ 4 : เป็นกะเป๋าใบนี้ พร้อมทรง duffle ด้วยวัสดุเทพ technology NASA นี่เอง ที่สามารถเปลี่ยนรูปร่างตามของที่ใส่ สร้าง look เก๋ที่แตกต่างแบบ ทรง ho bo ไม่เหมือนใคร
พร้อม function การใช้งานถือได้ในทุกรูปแบบ :
-ถือมือเป็น tote ได้
-ห้อยข้อศอกเป็นคุณนายญี่ปุ่น
-หรือ เวลาที่ต้องใช้มือทั้ง 2 ข้างถือของ เราก็เอาหูหะเป๋าขึ้นไหล่ สร้าง look แตกต่างแบบแอบเก๋ๆไม่มีที่ติไม่กินที่ชาวบ้าน หากแต่เต็มไปด้วยรสนิยมอันเลิศวิไลซ์
-ไปกินข้าวข้างนอก กอดมันไว้ พิงหลังไว้ได้ ไม่ต้องหาที่นั่งให้กะเป๋านั่ง ดูไปยังกะตัวปะหลาด
-แถมยังใบกลมมีสายสะพายข้างเพิ่มเราก็ยังสะพายเป็น messenger ได้อีก
-การันตรีทุกใบ Made in Italy!
ทำไม 'Made in Italy' ถึงเชื่อมั่นได้ในทุกอย่าง และเหนือกว่า Made in France?
-Made in Italy หมายถึงแรงงานฝีมือขั้นเทพอันดับ 1 ของโลก ที่อัตราค่าแรงต่อชม.แพงระยับ งานยากส์ของแบรนด์ ฝรั่งเศส เช่น Louis Vuitton หรือ YSL ก็ยังต้องมาทำืั้ที่ Italy
-Made in Italy หมายถึง การไม่ใช้แรงงานเด็กโดยเด็ดขาดเพราะ เป็นสนธิสัญญาของประเทศที่เจริญแล้วที่ทำกับประชาคมโลก
-Made in Italy ยังมีสนธิสัญญากับประชาคมโลกว่าการย้อมสีต้องมาจากวัสดุธรรมชาติเท่านั้น (++ซึ่งทำยากมากนะ เพราะ มันต้องใช้วัสดุสีที่ย่อยสลายได้ตามธรรมชาติเท่านั้น เช่นใบไม้.. ใบไม้ เปลือกไม้ แล้วจะต้องเด็ดมาทั้งต้นมั้งกว่าจะย้อมได้ใบนึง แล้วใบไม้แต่ละใบ เปลือกไม้แต่ละเปลือกต้องให้สีเท่ากัน เพื่อให่กะเป๋าใบ มีที่สม่ำเสมอ++ และ ยังต้องมั่นใจว่า น้ำจากการย้อมจะถูกทำลายด้วยด้วยวิทีทางชีววิทยา ชะนั้นย้อม จนถึงทำลาย ต้องเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมทั้งกระบวนการ) ทำให้กะเป๋าในปัจจุบันต้องไปทำนอกอิตาลี เพราะอยากจะลี้ภัยจากสนธิสัญญาอันนี้... พอต้นทุนสูงขึ้น hi-end แบรนไหนๆ ต่างก็ต้องลดค่าใช้จ่ายตัวเอง
เก็บ Made in Italyคำนี้ไว้ หากใช้ไป ขายต่อราคาก็ไม่ตกเพราะเดี๋ยวนี้เค้าไม่ Made in Italy กันแล้ว
เอ้้ดดี้มีลูกค้าท่านนึง ไม่เอาไ่ม่รับเลยนะถ้าไม่ใช่ made in Italy น่ะ